ในการนี้ นายกาวก๊วกฮึง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์เวียดนามได้ชี้ชัดว่า การขยายตัวที่น่าประทับใจของเวียดนามในเวลาที่ผ่านมา ทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อการลงทุนในด้านนี้ คาดว่า ถึงปี 2030 เศรษฐกิจเวียดนามจะมีการขยายตัวในระดับสูงคือตั้งแต่ร้อยละ 6.5- ร้อยละ 7 ต่อปี ดังนั้น ต้องให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆเพื่อค้ำประกันความมั่นคงด้านพลังงานเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน รัฐบาลเวียดนามได้อนุมัติแผนพัฒนาไฟฟ้าแห่งชาติคือ 130,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2030 แทนระดับ 47,000 เมกะวัตต์ในปัจจุบัน            “ในสภาวการณ์ดังกล่าว หนึ่งในปัญหาที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆจากเวียดนามคือ การพัฒนาพลังงานทางเลือกเพื่อลดการพึ่งพาพลังงานไฟฟ้าแบบเดิมเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สร้างความหลากหลายให้แก่แหล่งพลังงานและมีส่วนร่วมต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของเวียดนามและประเทศต่างๆในภูมิภาค เวียดนามมีแหล่งพลังงานทางเลือกที่อุดมสมบูรณ์และหลากหลาย เช่น พลังงานน้ำ พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานชีวมวลและเชื้อเพลิงชีวภาพ เป็นต้น ผลการวิจัยต่างๆได้แสดงให้เห็นว่า ถึงปี 2030 เวียดนามจะผลิตไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กได้ 8,000 เมกะวัตต์ ไฟฟ้าพลังลมประมาณ 20,000 เมกะวัตต์ ไฟฟ้าพลังชีวมวลประมาณ 3,000 เมกะวัตต์และไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ประมาณ 35,000 เมกะวัตต์”

นาย กาวก๊วกฮึงยังเผยว่า เพื่อพัฒนาพลังงานทางเลือก ทางกระทรวงฯ ได้ยื่นเสนอต่อรัฐบาลเกี่ยวกับกลไกต่างๆ เช่น ราคาสำหรับพลังงานทางเลือกต่างๆ พร้อมทั้งประกาศนโยบายที่ให้สิทธิพิเศษต่อนักลงทุนและสถานประกอบการ ซึ่งช่วยให้เวียดนามสามารถดึงดูดกระแสการลงทุนในด้านนี้.