อาคารรัฐสภาใหม่ของเวียตนาม เริ่มลงมือก่อสร้างเมื่อเดือนตุลาคม 2009 ตั้งอยู่ที่ถนน ดก เลิ๊บ มองจากตัวอาคารรัฐสภาออกไปจะเห็นสุสานลุงโฮ อยู่ฝั่งตรงข้าม และอยู่ใกล้เขตโบราณสถานป้อมและกำแพงเมืองโบราณทังลอง  ตัวตึกสูง 39 เมตรมีสถาปัตยกรรมรูปทรงสี่เหลี่ยม ห้องประชุมใหญ่จะเป็นรูปวงกลมอยู่ตรงกลาง มีทั้งหมด 8 ชั้นจะมีห้องใต้ดิน 2 ชั้น มีห้องในอาคารทั้งหมด 80 ห้อง ห้องประชุมรัฐสภาสามารถจุคนได้ 600 ที่นั่ง  
อาคารรัฐสภาหลังใหม่นี้เป็นตึกที่ทันสมัย โอ่โถง ตั้งอยู่บนพื้นที่อันมีเกียรติประวัติช้านานและศักดิ์สิทธิ์ของเมืองหลวง เป็นสัญลักษณ์ขององค์กรที่มีอำนาจสูงสุดของชาติเวียตนาม เป็นตัวแทนของภูมิปัญญาและความคาดหวังของประชาชนที่มีต่อการทำงานของรัฐสภา ในการเป็นปากเสียงของประชาชน แนวคิดในการออกแบบตัวอาคารรัฐสภาใหม่ทีเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมโอบล้อมทรงกลม ตรงกลางนั้นมาจากรูปทรงของแบ๋งจึง แบ๋งใหญ่ ขนมประจำชาติเวียตนาม ซึ่งแฝงด้วยปรัชญาที่ว่า ท้องฟ้ากลม แผ่นดินสีเหลี่ยม เป็นการผสมผสานระหว่างฟ้าดินตามแนวคิดของคนตะวันออก นอกจากนี้สถานที่แห่งนี้ยังเป็นอาคารที่รวบรวมไว้ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ที่สุด สิ่งหนึ่งที่น่าชื่นชมในตึกรัฐสภาหลังใหม่ คือ ห้องประชุมใหญ่ของรัฐสภาได้รับการตั้งชือว่า เยียนห่ง เพื่อรำลึกถึงประวัติศาสตร์สมัยราชวงศ์เตริ่น ที่มีการประชุมสมัชชา เยียนห่ง ขึ้นเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับการปกป้องชาติบ้านเมืองจากภัยการรุกรานของพวก หยวน มองโกล ที่จ้องจะยึดครองเวียตนาม เทียบกับการประชุมสภาในปัจจุบันก็เป็นไปเพื่อการปกป้องผลประโยชน์ของบ้าน เมืองเวียตนามในทุกด้าน ส่วนห้องประชุมของคณะกรรมาธิการรัฐสภาได้รับการขนานนามว่า เติน จ่าว เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ที่ท่านประธานโฮจิมินห์ ร่วมการประชุม สมัชาประชาชนแห่งชาติที่ ศาลาประชาคมเติน จ่าว เพื่อรวบรวมความคิดของปวงชนเป็นหนึ่งเดียวลุกฮือขึ้นต่อสู้กู้ชาติ ขับไล่นักล่าเมืองขึ้นฝรั่งเศส ปลดปล่อยบ้านเมือง สถาปนาประเทศเวียตนามใหม่ที่มีเอกราชเสรีภาพ จวบจนปัจจุบัน ชื่อของห้องประชุมทีมีความหมายและที่มาที่ดี ทำให้คนที่เข้ามาทำหน้าที่ในที่ประุมแห่งนี้ต้องสำนึกถึงภาระหน้าที่ของตน ว่าต้องทำงานรับใช้ประชาชนอย่างสุดความสามารถ  สมกับเป็นตัวแทนของปวงชน
ความประทับใจที่ได้เห็นอาคารรัฐสภาแห่งนี้คือ ความสำเร็จในการพัฒนาประเทศของเวียตนามอีกก้าวหนึ่ง เห็นความพร้อมอย่างยิ่งของเวียตนามในการเตรียมตัวในการจัดการประชุมสหภาพ รัฐสภาโลก IPU ในต้นปี 2015