UNDP ให้ความช่วยเหลือประชาชนจังหวัดกว๋างหงายในการป้องกันและรับมือภัยธรรมชาติ

(VOVWORLD) -หลังพายุโมลาเบผ่านพ้นไป ทางการและประชาชนตำบลบิ่งถวน อำเภอบิ่งเซิน จังหวัดกว๋างหงายกำลังพยายามแก้ไขผลเสียหายจากพายุและช่วยเหลือปประชาชนให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปรกติ   รูปแบบ “บ้านที่ปลอดภัย”ของโครงการ “เพิ่มทักษะความสามารถในการรับมือผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศให้แก่ชุมชนกลุ่มเสี่ยงในเขตริมฝั่งทะเลเวียดนามที่จัดโดยกองทุนภูมิอากาศสีเขียวหรือ GCF รัฐบาลเวียดนามและโครงการเพื่อการพัฒนาของสหประชาชาติหรือ UNDP ได้ส่งเสริมประสิทธิภาพ ค้ำประกันความปลอดภัยให้แก่ประชาชนที่เผชิญพายุครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี
UNDP ให้ความช่วยเหลือประชาชนจังหวัดกว๋างหงายในการป้องกันและรับมือภัยธรรมชาติ - ảnh 1 “บ้านที่ปลอดภัย”

นาง หวี่ญถิเฝือง อาศัยที่เขตชุมชุนหมายเลข 9 ตำบลบิ่งถวน อำเภอบิ่งเซิน จังหวัดกว๋างหงายปีนี้ อายุเกือบ 80 ปีแล้วได้เผยว่า เธอไม่เคยเจอพายุที่รุนแรงเหมือนพายุโมลาเบที่พัดถล่มจังหวัดกว๋างหงายเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา  ซึ่งทำให้ต้นไม้หักโค่นจำนวนมาก บ้านและพื้นที่ทำการเกษตรของประชาชนได้รับความเสียหายอย่างหนัก  ส่วนบ้านเอื้ออาทรของนาย เหงวียนบ๊อง ในตำบลบิ่งถวน ที่เพิ่งก่อสร้างเมื่อไม่กี่ปีก่อนก็ได้รับความเสียหาย ซึ่งทำให้นาย บ๊องไม่มีที่อยู่อาศัย ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมบ้านอยู่ที่ประมาณ 20 ล้านด่ง  ส่วนนาย เหงวียนลองในตำบลบิ่งถวนได้เผยว่า ครอบครัวของเขาได้รับผลกระทบจากพายุไม่มากนักแต่พายุทำให้ครอบครัวนายลองและครอบครัวอื่นๆไม่สามารถออกทะเลจับปลาได้ ดังนั้น ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาจึงประสบความยากลำบากเพราะรายได้ลดลง

ในขณะที่ครอบครัวต่างๆในหมู่บ้านได้รับความเสียหายอย่างหนักแต่ครอบครัวนาง ฝามถิแอน เกิดเมื่อปี 1961 ไม่ได้รับความเสียหายเพราะบ้านของเธอเป็น “บ้านที่ปลอดภัย”  ซึ่งได้รับการก่อสร้างภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลและ GCF -UNDP  นางแอนเผยว่า เมื่อก่อน บ้านของเธอได้รับความเสียหายอย่างหนักจากพายุ เมื่อปี 2019 ครอบครัวของเธอเป็นครอบครัวยากจนดังนั้นจึงได้รับความช่วยเหลือก่อสร้าง “บ้านที่ปลอดภัย”

“ในช่วงนั้น บ้านของดิฉันพังทลาย  ดิฉันขอขอบคุณรัฐที่ได้ช่วยก่อสร้างบ้านหลังนี้  เมื่อพายุโมลาเบพัดถล่ม ชาวบ้านก็มาหลบพายุที่บ้านของดิฉัน ”

UNDP ให้ความช่วยเหลือประชาชนจังหวัดกว๋างหงายในการป้องกันและรับมือภัยธรรมชาติ - ảnh 2ความแตกต่างของ “บ้านที่ปลอดภัย”คือมีชั้นลอย  ถ้าหากเกิดเหตุน้ำท่วม  เจ้าของบ้านสามารถขึ้นไปอาศัยที่ชั้นเพื่อความปลอดภัย  (Photo:baotainguyenmoitruong) 

ความแตกต่างของ “บ้านที่ปลอดภัย”คือมีชั้นลอย  ถ้าหากเกิดเหตุน้ำท่วม  เจ้าของบ้านสามารถขึ้นไปอาศัยที่ชั้นเพื่อความปลอดภัย   นาย หวูท้ายเจื่อง เจ้าหน้าที่ของโครงการ UNDP ได้เผยว่า

“การก่อสร้าง “บ้านที่ปลอดภัย”ต้องได้มาตรฐานต่างๆทั้งฐานราก พื้นบ้านและโครงสร้างที่มั่นคงแข็งแรง นอกจากนี้ บ้านที่ปลอดภัยต้องมีพื้นสูงกว่าระดับน้ำท่วม 1.5 เมตรขึ้นไป  บันไดที่มีราวจับและประตูหน้าต่างที่ทำจากวัสดุที่ทนทาน มีหลังคามุงกระเบื้องหรือหลังคาสังกะสีที่ได้รับการเสริมแรงเพื่อค้ำประกันความปลอดภัยเมื่อเกิดพายุและฝนตก  ระบบระบายน้ำต้องทำงานได้ดี ”

โครงการ “บ้านที่ปลอดภัย”เน้นให้ความช่วยเหลือผู้ยากจน ผู้หญิงที่ไม่มีครอบครัว  ผู้ที่มีฐานะยากจนและคนพิการ การก่อสร้างบ้านหลังนี้มีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมและใช้ประสบการณ์ในท้องถิ่น ส่วนการออกแบบของบ้านได้รับการตรวจสอบจากสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของกระทรวงการก่อสร้างและสำนักงานการก่อสร้างในท้องถิ่น

นาย โงวันเวือง ประธานคณะกรรมการประชาชนตำบลบิ่งถวนได้เผยว่า “บ้านที่ปลอดภัย”ได้มีส่วนช่วยค้ำประกันความปลอดภัยให้แก่ประชาชนในช่วงที่เกิดพายุโมลาเบ ทางการท้องถิ่นกำลังส่งเสริมให้ครอบครัวต่างๆก่อสร้างบ้านตามรูปแบบนี้          จากการเป็นท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ทางการตำบลบิ่งถวนได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนในการเพิ่มทักษะความสามารถในการป้องกันและรับมือภัยธรรมชาติและอพยพประชาชนไปยังเขตที่ปลอดภัยในกรณีฉุกเฉิน แต่มาตรการที่ยั่งยืนก็คือ ประชาชนต้องมีความปลอดภัยในบ้านที่ปลอดภัยในช่วงที่เกิดเหตุอุทกภัย ดังนั้น  UNDP  ได้ร่วมกับทางการท้องถิ่นในเขตริมฝั่งทะเลภาคกลางของเวียดนามปฏิบัติโครงการ “บ้านที่ปลอดภัย”ให้แก่ประชาชนในเขตนี้”.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด