ตำบลเหมื่องหลึบเป็นแผ่นดินแห่งการปฏิวัติเป็นสถานที่ก่อตั้งองค์กรพรรคสาขาแห่งแรกของอำเภอเอียนโจว

เดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 6 จากกรุงฮานอยประมาณ 200 ก.ม. ก็จะถึงตำบลเจี่ยงหัก อำเภอเอียนโจว แล้วเลี้ยวขาววิ่งไปตามเส้นทางบนภูเขาอีกประมาณ 14 ก.ม. ก็จะถึงตำบลเขตเขาเหมื่องหลึบ ซึ่งการมาเยือนตำบลเหมื่องหลึบในช่วงเดือนตุลาคมนี้ เราก็จะเห็นพื้นที่เขตเขาแห่งนี้ปกคลุมไปด้วยผลไม้นานาชนิดที่กำลังออกผล รวมทั้งนาข้าวสีทองเหลืองอร่าม

ในอดีต เหมื่องหลึบคือตำบลเขตเขายากจนพิเศษของอำเภอเอียนโจว โดยมีประชากรราว 3,570 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชนกลุ่มน้อยที่อยู่อาศัยในหมู่บ้าน 7 แห่ง มีรายได้หลักจากการทำเกษตรกรรม แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อช่วยให้ชาวบ้านหลุดพ้นจากความยากจนและพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ในหลายปีที่ผ่านมา ทางการตำบลฯ ได้ประกาศมติและการชี้นำเพื่อช่วยให้ชาวบ้านสามารถใช้ความได้เปรียบและศักยภาพของท้องถิ่น รวมทั้งใช้โอกาสจากนโยบายสนับสนุนการผลิตต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ การปรับเปลี่ยนมาปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ที่ให้ผลผลิตสูงและสอดคล้องกับสภาพภูมิอากาศเพื่อเพิ่มรายได้ ถึงขณะนี้ ทั้งตำบลฯ มีพื้นที่ปลูกผลไม้กว่า 230 เฮกตาร์ มีการเลี้ยงวัวและควายเกือบ 2,000 ตัวและเลี้ยงหมูเกือบ 3,000 ตัว และมีพื้นที่ปลูกข้าวกว่า 60 เฮกตาร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าวเหนียวพันธุ์ดั๊กเดือยซึ่งเป็นพันธุ์ท้องถิ่นที่ได้มาตรฐาน OCOP และขายได้ราคาดี นาย หว่างวันชึก ประธานคณะกรรมการประชาชนตำบลเหมื่องหลึบ เผยว่า “ตามมติของจังหวัดเซินลา ตำบลเหมื่องหลึบเน้นพัฒนาเศรษฐกิจ ประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ปรับเปลี่ยนพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ให้มีผลผลิตสูง เช่น เปลี่ยนมาปลูกผลไม้และเลี้ยงวัว ซึ่งช่วยให้จำนวนครอบครัวที่ยากจนลดลงเป็นอย่างมาก เมื่อปีที่แล้ว อัตราครอบครัวยากจนในตำบลลดลงกว่าร้อยละ 4 โดยปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 32 และครอบครัวที่ใกล้ยากจนเหลือเพียงร้อยละ 13 เท่านั้น”

เกษตรกรในหมู่บ้าน หน่าลั้ง ตำบล เหมื่องหลึมดูแลสวนผลไม้ ( Photo: Thanh Huyen)

การเปลี่ยนแปลงในตำบลฯ สามารถเห็นได้ชัดจากการเปลี่ยนแปลงทางความคิดของชาวบ้านเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งครอบครัวนาย หวื่อลาวโฝง เป็นตัวอย่างดีเด่นในกระบวนปรับเปลี่ยนพันธุ์พืชที่หมู่บ้านโอนโอ๊ก ซึ่งเป็นหมู่บ้านชนกลุ่มน้อยเผ่าม้ง ในตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ครอบครัวของนาย หวื่อลาวโฝง ได้เปลี่ยนพื้นที่ปลูกพืชที่ให้ผลผลิตต่ำมาปลูกต้นพลัม โดยเรียนรู้ประสบการณ์และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยเฉพาะได้ติดตั้งระบบรดน้ำอัตโนมัติเพื่อช่วยให้ต้นพลัมออกผลตั้งแต่เดือนมีนาคมไปจนถึงเดือนมิถุนายน สร้างกำไรที่สูงขึ้นให้แก่ครอบครัว คือประมาณ 13,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี นายโฝงบอกว่า “รัฐได้รณรงค์ให้เราเปลี่ยนมาปลูกพันธุ์พืชอื่นๆ ผมจึงตัดสินใจเปลี่ยน นับตั้งแต่ที่เปลี่ยนมาปลูกต้นพลัม รายได้ของครอบครัวเราก็มีเสถียรภาพ เราก็แนะนำและรณรงค์ให้ชาวบ้านเปลี่ยนมาปลูกต้นพลัมเช่นกันและถึงขณะนี้ ทั้งตำบลฯ มีพื้นที่ปลูกต้นพลัมประมาณ 52 เฮกตาร์” 

ในด้านวัฒนธรรมและสังคม เหมื่องหลึบก็มีการเปลี่ยนแปลงเป็นที่น่ายินดี โดยครอบครัวกว่าร้อยละ 99 มีไฟฟ้าใช้ ถนนในหมู่บ้านและระหว่างหมู่บ้านกับท้องถิ่นใกล้เคียงได้รับการก่อสร้างด้วยคอนกรีต พร้อมทั้งกำลังก่อสร้างและขยายถนนสำคัญๆ อีกด้วย ช่วยให้ประชาชนสามารถเดินทางและทำการค้าขายอย่างสะดวก นอกจากนี้ ทางการตำบลฯ ก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมากถึงการศึกษา โดยเด็ก ๆ กว่าร้อยละ 98 ได้เรียนหนังสือส่วนด้านสาธารณสุขก็ได้รับความสนใจเช่นกันผ่านการปฏิบัตินโยบายต่างๆ  เช่น การใช้บัตรประกันสุขภาพและการแพทย์ปฐมภูมิ เป็นต้น นาย หว่างวันเม้น ชาวบ้านตำบังเหมื่องหลึบ กล่าวว่า “ในหลายปีที่ผ่านมา ทางการตำบลเหมื่องหลึบได้ประกาศมติและปฏิบัติมาตรการแก้ปัญหาความยากชนเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ของตำบลต่างเป็นผู้เดินหน้าในการปฏิบัติภารกิจต่างๆ และพัฒนาเศรษฐกิจสังคม เพื่อช่วยให้ประชาชนเรียนรู้และปฏิบัติตาม”