ซีพีวี-รูปแบบการผลิตที่ประสบความสำเร็จในเวียดนาม
์Nguyen Yen/VOV5 -  
(VOVWORLD) - ภายหลังกว่า 20 ปีที่ลงทุนในเวียดนาม บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์เวียดนาม (C.P.Vietnam Corporation) หรือซีพีวี ซึ่งมีเงินลงทุน 100% ของไทยสามารถยืนยันสถานะที่มั่นคงในเวียดนามผ่านการสร้าง “รูปแบบการผลิตการเกษตรที่เป็นแบบอย่าง” ซึ่งไม่เพียงแต่นำผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมมาให้แก่ทางบริษัทฯเท่านั้น หากยังมีส่วนร่วมช่วยให้หน่วยงานการเกษตรเวียดนามพัฒนาทันสมัยมากขึ้นอีกด้วย
ภายหลังกว่า 20 ปีที่ลงทุนในเวียดนาม บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์เวียดนาม (C.P.Vietnam Corporation) หรือซีพีวี ซึ่งมีเงินลงทุน 100% ของไทยได้ยืนยันถึงสถานะที่มั่นคงในเวียดนาม |
เมื่อ 2 ปีก่อน นาย เหงียนเจื่องด่าย เจ้าของบ่อเลี้ยงกุ้งที่มีพื้นที่กว่า 4 เฮกตาร์ในตำบล หวิงแทง อำเภอเญินแจก จังหวัดด่งนายได้มีการตัดสินใจครั้งสำคัญ คือเลิกการเลี้ยงกุ้งแบบดั้งเดิมเพื่อประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเลี้ยงกุ้งที่ทันสมัยของซีพีวี โดยซีพีวีแนะนำและค้ำประกันกระบวนการเลี้ยงกุ้งที่ปลอดภัยตั้งแต่การเลือกพันธุ์ไปจนถึงอาหาร โดยเฉพาะเทคนิคการเลี้ยงกุ้งที่ได้รับการแนะนำโดยตรงจากพนักงานของซีพีวี และซีพีวีรับผิดชอบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กุ้งทั้งหมด ดังนั้นราคาขายกุ้งจึงมีความมั่นคงถึงแม้ราคาในตลาดจะผันผวนก็ตาม จนทำให้รายได้ของครอบครัวนาย ด่ายมีเสถียรภาพ นาย ด่าย เผยว่า “กระบวนการเลี้ยงกุ้งแบบใหม่ของซีพีวีให้ผลผลิตสูง สามารถป้องกันโรคต่างๆ เช่น โรคจุดขาว และโรคตัวแดงดวงขาวในกุ้ง เป็นต้น น้ำสำหรับการเลี้ยงกุ้งก็สะอาดและได้มาตรฐานจึงทำให้กุ้งมีความแข็งแรงและเสริมภูมิต้านทานโรค พวกเราไม่ใช้สารเคมีและยาปฏิชีวนะ ทำให้ได้กุ้งปลอดสารพิษ”
ซีพีวีไม่เพียงแต่ร่วมมือและประกอบธุรกิจโดยตรงกับผู้เลี้ยงปศุสัตว์และเจ้าของฟาร์มเท่านั้น หากยังร่วมมือกับผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงเพื่อให้ผู้เลี้ยงปศุสัตว์ในทั่วประเทศเวียดนามสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของซีพีวีได้อย่างสะดวก เช่นนาย หวูหว่างกุง เจ้าของสาขาจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเลี้ยงสัตว์ของซีพีวีได้แสดงความเห็นว่า ซีพีวีได้ช่วยสร้างความยั่งยืนให้แก่เกษตรกรและผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ “ผมร่วมมือกับซีพีวีเป็นเวลากว่า 21 ปีแล้ว ก่อนหน้านั้น ผมประกอบธุรกิจด้านสินค้าเกษตรและข้าว ในตลอด 21 ปีที่ร่วมมือกับซีพีวี ผมเห็นว่า ซีพีวีสร้างความสำเร็จให้แก่ผู้เลี้ยงปศุสัตว์ ผลสำเร็จของผู้เลี้ยงปศุสัตว์ก็คือผลสำเร็จของผู้จำหน่ายเหมือนผม ทางบริษัทฯให้การช่วยเหลือผู้เลี้ยงปศุสัตว์ในหลายด้าน 1คืออาหารเลี้ยงปศุสัตว์มีความมั่นคงและพันธุ์มีคุณภาพ อีกทั้งช่วยเหลือด้านเทคนิค การลงทุน ตลอดจนเงินลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวผมเองและผู้เลี้ยงปศุสัตว์คนอื่นๆมีความเชื่อมั่นต่อซีพีวีมาก เพราะซีพีวีไม่เพียงแต่ขายอาหารสัตว์เลี้ยงเท่านั้น หากยังช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคง ให้การช่วยเหลือการลงทุนและการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงอย่างมีประสิทธิภาพ”
โรงงานแปรรูปเนื้อไก่ของซีพีวีในกรุงฮานอย |
นาย ด่ายและนายกุงคือ 2 ในหุ้นส่วนนับพันรายของซีพีวีในกว่า 50 จังหวัดและนครของเวียดนาม ซึ่งเพื่อบรรลุผลงานในปัจจุบัน มีน้อยคนทราบว่า เมื่อปี 1988 ทางบริษัทเริ่มประกอบธุรกิจด้วยการเปิดสำนักงานตัวแทนในนครโฮจิมินห์ 1 แห่งและมีเจ้าหน้าที่พนักงานไม่ถึงร้อยคน จนถึงปี 1993 เครือเจริญโภคภัณฑ์ในเวียดนามหรือซีพีวีได้รับการก่อตั้งอย่างเป็นทางการ นาย มนตรี สุวรรณโพธิ์ศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี.เวียดนาม คอร์ปอเรชั่น ได้เผยว่า “ซีพีได้เข้ามาลงทุนในประเทศเวียดนามเป็นเวลา 24 ปีแล้ว ในขณะนั้นประเทศเวียดนามเพิ่งเปิดประเทศได้ไม่นาน ภาวะเศรษฐกิจในด้านต่างๆยังไม่ค่อยดี โดยเฉพาะภาคการเกษตรถือว่าไม่พัฒนา การเลี้ยงสัตว์ยังมีรายย่อย ขนาดเล็ก ไม่ได้มาตรฐาน ผลผลิตยังต่ำ เทคโนโลยีด้านต่างๆทั้งด้านอาหารสัตว์ พันธุ์สัตว์ รวมทั้งเทคนิค วิธีการเลี้ยงต่างๆก็ยังไม่พัฒนา ส่งผลให้ผลผลิตเนื้อสัตว์อยู่ในระดับต่ำ ไม่เพียงแต่ต่อการบริโภคของประชาชน ภูมิอากาศ โรคระบาดและความผันผวนของราคาทั้งในประเทศและต่างประเทศ”
นาย มนตรี สุวรรณโพธิ์ศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี.เวียดนาม คอร์ปอเรชั่น |
ในสภาวการณ์ที่ลำบากดังกล่าว ในตอนแรก ทางบริษัทฯประกอบธุรกิจในด้านการหาตัวแทน สาขาจำหน่ายและนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารเลี้ยงสัตว์จากบริษัทแม่ในประเทศไทยเพื่อเอามาจำหน่ายในเวียดนาม หลังจากประกอบธุรกิจเป็นเวลาหลายปี เนื่องจากเวียดนามเป็นตลาดที่เต็มไปด้วยศักยภาพ โดยเฉพาะนโยบายให้สิทธิพิเศษแก่นักลงทุนต่างชาติ ซีพีวีได้ขยายการประกอบธุรกิจและลงทุนในระยะยาวในเวียดนาม “ความคล้ายคลึงกันในหลายๆด้าน ทั้งด้านภูมิศาสตร์ รวมทั้งความเป็นประเทศที่มีการพึ่งพาการเกษตรเป็นหลักเช่นเดียวกัน เวียดนามมีจำนวนประชากรที่มากกว่า 90 ล้านคน และเวียนทรัพยากร บุคลากรอายุน้อยอยู่เป็นจำนวนมาก ในสัดส่วนผู้ที่มีรายได้ปานกลางนับวันเพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกันเวียดนามมีสภาพภูมิศาสตร์ที่เอื้อต่อการพัฒนาการเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมทั้งระบบท่าเรือในการขนส่ง การส่งออกและนำเข้าสินค้า ตามนโยบายของรัฐบาลเวียดนาม คือการพัฒนาในหลายด้าน หลายรูปแบบ ขยายความสัมพันธ์ร่วมมือด้านการเกษตรกับหลายประเทศในโลก ในนั้นก็มีประชาคมอาเซียนซึ่งได้อำนวยความสะดวกในการไหลเวียนของสินค้า ในขณะเดียวกัน การเชื่อมโยงด้านวัฒนธรรมต่างๆในภูมิภาคเข้าด้วยกันเป็นสัญญาณที่น่ายินดีต่อผู้ประกอบการด้วยรวม รวมทั้งซีพี”
ภายหลังกว่า 20 ปีประกอบธุรกิจในเวียดนาม จากการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงเพื่อเอามาจำหน่ายในเวียดนาม ปัจจุบัน ซีพีวีได้ร่วมมือโดยตรงกับครอบครัวเกษตรกรนับพันครอบครัวเหมือนครอบครัวของนาย ด่าย มีระบบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในทั้งสามภาคของเวียดนาม สร้างงานทำให้แก่แรงงานเวียดนามเกือบ 1 แสน 5 หมื่นคน รวมทั้งพนักงานของซีพีวีเกือบ 1 หมื่น 6 พันคน นอกจากนั้นซีพีวียังผลิตอาหารที่แปรรูปจากกุ้ง ปลาและอาหารอื่นๆเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคภายในประเทศและการส่งออก ขณะนี้ ซีพีวีกำลังก่อสร้างโรงงานแปรรูปอาหารที่จังหวัดด่งนาย โดยจะผลิตไส้กรอกเกือบ 3 พัน 8 ร้อยตันต่อปี และโรงงานแปรรูปอาหารที่ทันสมัยที่สุดในกรุงฮานอยที่เปิดใช้งานเมื่อต้นปี 2012 โดยมีผลผลิตอยู่ที่ 3 พันตันต่อปีและจะขยายผลผลิตขึ้นเป็น 9 พันตันต่อปี นาย มนตรี สุวรรณโพธิ์ศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี.เวียดนาม คอร์ปอเรชั่น ได้เผยว่า “เราเองปัจจุบันมีโรงงานอาหารสัตว์บก ผลิตอาหารวัว อาหารไก่ 7 แห่ง โรงงานผลิตอาหารสัตว์น้ำ ผลิตอาหารกุ้ง อาหารปลา 3 แห่ง เรามีฟาร์มต่างๆที่กระจายทั่วประเทศ 3 พันฟาร์ม มีโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์ อาหารสัตว์บก สัตว์น้ำรวม 6 โรงงาน เรามีสาขากระจายทั่วประเทศเพื่อกระจาย ส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ให้กับเกษตรกรและคู่ค้าอย่างทั่วถึงในทุกพื้นที่ เราเองก็ถือว่า เป็นผู้นำด้านการเกษตรครบวงจรที่ถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดีที่เรียกว่า 3 F (Feed –Farm-Food) ที่หลายท่านอาจจะเคยได้ยิน ซึ่งจะทำให้การเลี้ยงสัตว์ในเวลาข้างหน้าหรือภาคการเกษตรในเวลาข้างหน้ามีต้นทุนการผลิตต่ำและสามารถแข่งขันกับตลาดโลก”
คาดว่า ในเวลาที่จะถึง ซีพีวีจะลงทุนก่อสร้างโรงงานแปรรูปอาหารที่นครดานังและนครเกิ่นเทอ ด้วยความพยายามในการประกอบธุรกิจเป็นเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมาและการสนับสนุนกิจกรรมเพื่อชุมชน เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา ซีพีวีได้รับการประเมินว่า เป็น 1 ใน 100 บริษัทที่ประกอบธุรกิจมีประสิทธิภาพที่สุดในเวียดนามตามการจัดอันดับของบริษัท Anphabe และบริษัทวิจัยตลาด Nielsen.
์Nguyen Yen/VOV5