การประกวดได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากผู้ชม

“หนูรู้สึกตื่นเต้นมากแต่ก็ภูมิใจที่ได้เข้าร่วมการประกวดที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ หนูจะพูดเกี่ยวกับอุปสรรคในชีวิตและประสบการณ์ของหนูที่มาเรียนในประเทศเวียดนาม รวมทั้งความรู้สึกต่อประเทศนี้”

“ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยธุรกิจและเทคโนโลยีฮานอยและนักเรียนลาวที่กำลังศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งนี้เข้าร่วมการประกวดสุนทรพจน์ภาษาเวียดนามในวันนี้ ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถ”

“ เราได้เตรียมความพร้อมให้แก่บทสุนทรพจน์นี้อย่างดี โดยทีมของเรามีสมาชิก 20 คนทำการแสดงประกอบด้วย เรามีความสามัคคีและหวังว่าจะทำผลงานได้ดีในการประกวดครั้งนี้ หวังว่าทีมอื่นๆก็จะทำผลงานได้ดีเหมือนกันค่ะ”

นี่คือความคิดเห็นของตัวแทนนักเรียนลาวที่กำลังศึกษาในมหาวิทยาลัยและโรงเรียนของเวียดนาม 42 แห่ง

อาลุนนี ไซสงคาม กล่าวสุทรพจน์บนเวที

จากการใช้ภาษาเวียดนามอย่างคล่องแคล่วและน้ำเสียงที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ได้ดีพร้อมกับการแสดงประกอบของเพื่อนๆนักเรียนลาว บทสุทรพจน์ “โบราณสถานลาวโคในจังหวัดเซินลา สัญลักษณ์ที่ดีงามในความสัมพันธ์มิตรภาพเวียดนาม – ลาว” อาลุนนี ไซสงคาม กับทีมนักเรียนลาวที่กำลังเรียนที่สถาบันการเงินได้สร้างความประทับใจให้แก่คณะกรรมการตัดสินและผู้ชมเป็นอย่างมาก อาลุนนีบอกว่า ได้เลือกหัวข้อนี้เพื่อกล่าวสุทรพจน์ก็เพราะนี่เป็นฐานปฏิวัติแห่งแรกในชายแดนเวียดนาม – ลาว ซึ่งประชาชนที่นี่ได้ให้การช่วยเหลือผู้บัญชาการของคณะกรรมผู้เดินหน้าลาวและภาคเหนือลาว ซึ่งก็คือประธาน ไกสอน พมวิหาน            “ประวัติศาสตร์ของหมู่บ้านลาวโคเล่าเรื่องช่วงเวลาที่ประธานไกสอน พมวิหานเคลื่อนไหวปฏิวัติ ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากประชาชนและองค์การปฏิวัติเวียดนามอย่างต่อเนื่องจนถึงช่วงที่ประเทสลาวได้สามารถช่วงชิงเอกราช หวังว่า บทสุทรพจน์ของหนูจะช่วยให้ทุกคนมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์และชีวิต โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ที่ดีงามและมิตรภาพความสัมพันธ์ลาว – เวียดนามที่ยั่งยืนที่ได้รับการธำนุบำรุงโดยประธานไกสอน พมวิหานและประธานโฮจิมินห์”

คุณ วิพาวะดี อินทะปะทา ในชุดประจำชาติลาว นักศึกษาวิชาเทคนิกการก่อสร้างสะพาน – ถนนของมหาวิทยาลัยคมนาคมและการขนส่ง ซึ่งคว้ารางวัลที่ 2 ได้สร้างบรรยากาศที่คึกคักให้แก่การประกวดผ่านบทสุทรพจน์ “เวียดนาม ความฝันของฉัน” วิพาวะดีเผยว่า            “หลังจากที่ศึกษาในประเทศเวียดนามเป็นเวลา 4 ปี หนูรู้สึกซาบซึ้งใจที่ได้รับความช่วยเหลือจากครูอาจารย์และเพื่อนๆชาวเวียดนาม หนูถือเวียดนามเป็นบ้านเกิดแห่งที่ 2 และได้เลือกกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับชีวิตและประสบการณ์ที่หนูได้รับในขณะที่ศึกษาในประเทศเวียดนาม รวมทั้งความรักที่มีต่อประเทศเวียดนาม”

วิพาวะดี กับเพื่อนๆนักเรียนลาว

วิพาวะดีได้ฝึกกล่าวบทสุนทรพจน์กับเพื่อนๆที่แสดงประกอบ 28 คนเป็นเวลา 2 สัปดาห์ นอกจากเตรียมความพร้อมด้านเนื้อหาของบทสุนทรพจน์แล้ว วิพาวะดีและเพื่อนๆ ยังต้องฝึกการพูดภาษาเวียดนามให้คล่องแคล่วเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกให้ดีที่สุด รวมทั้งการแต่งกายและการแสดงประกอบเพื่อให้การกล่าวสุนทรพจน์มีชีวิตชีวามากขึ้น ซึ่งได้สร้างความประทับใจเป็นอย่างมากให้แก่ผู้ชมเวียดนาม            “ผมคิดว่า นี่คือการประกวดที่มีความหมายและเป็นประโยชน์มาก ช่วยให้ผมมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับเพื่อนๆคนลาว ในการประกวดครั้งนี้ ผู้สมัครทุกคนสามารถพูดภาษาเวียดนามได้ดีและสามารถสื่อความหมายที่ดีต่างๆ ทั้งวัฒนธรรมของเวียดนามและวัฒนธรรมของลาว”

            “การประกวดคึกคักมาก ทุกคนเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี หนูชอบการแสดงของทุกทีมและหวังว่า ทุกทีมจะได้รับรางวัลสูงๆ”

การประกวดสุนทรพจน์ภาษาเวียดนามปี 2019 มีขึ้นเป็นเวลา 8 ชั่วโมง โดยคณะกรรมการจัดงานได้มอบรางวัลที่หนึ่ง 2 รางวัล รางวัลที่สอง 4 รางวัลและรางวัลที่สาม 6 รางวัล โดยรางวัลที่หนึ่งเป็นของผู้เข้าแข่งขันจากสถาบันการทูตและมหาวิทยาลัยครุศาสตร์สังกัดมหาวิทยาลัยท้ายเงวียน รางวัลที่สองเป็นของตัวแทนจากมหาวิทยาลัยเทคนิกอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยคมนาคมและการขนส่ง มหาวิทยาลัยการค้าต่างประเทศและมหาวิทยาลัยอุตสาหกรรมกว๋างนิงห์ ซึ่งทีมที่คว้ารางวัลที่ 1 และรางวัลที่ 2 จะได้เข้าร่วมการประกวดรอบชิงชนะเลิศการแข่งขันระดับประเทศที่จะจัดขึ้น ณ มหาวิทยาลัยท้ายเงวียนในวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้ อย่างไรก็ดี นี่คือโอกาสที่ดีเพื่อให้นักเรียนและนักศึกษาลาวที่กำลังศึกษาในประเทศเวียดนามได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ดังความคิดเห็นของนาย ฝ่ามกวางฮึง อธิบดีกรมวิเทศสัมพันธ์สังกัดกระทรวงศึกษาและฝึกอบรมเวียดนาม ซึ่งเป็นสมาชิกคณะกรรมการจัดงานว่า            “ผมมีความเชื่อมั่นว่า จากการประกวดครั้งนี้ นักเรียนและนักศึกษาลาวจะไม่เพียงแต่มีความรักภาษาเวียดนามมากขึ้นเท่านั้น หากยังเป็นโอกาสให้พวกเขามีความเข้าใจและรักประเทศ คนและวัฒนธรรมเวียดนามมากขึ้น บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีงามที่สองประชาชาติได้ธำนุบำรุงในเวลาที่ผ่านมา การประกวดครั้งนี้จะได้รับการขยายผลมากขึ้น และทุกคนต่างเป็นผู้ชนะ”.