(VOVWORLD) -ความคล่องตัว ความกระตือรือร้น และความรับผิดชอบ เป็นความรู้สึกที่ใครๆ ต่างก็สัมผัสได้เมื่อพูดคุยกับนาย ฮุน มานี รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการพลเรือนอีกทั้งดำรงตำแหน่งประธานสหภาพเยาวชนกัมพูชาเป็นเวลากว่า 16 ปี โดยเขาเองได้เล็งเห็นถึงภารกิจของตนเอง รวมถึงของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ในการเสริมสร้างความสามัคคีและความสัมพันธ์มิตรภาพที่เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันระหว่างเวียดนามกับกัมพูชา
นาย ฮุน มานี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการพลเรือน ประธานสหภาพเยาวชนกัมพูชา |
“ผมได้ศึกษาและรับฟังเรื่องราวต่างๆ จากกลุ่มเยาวชนรุ่นก่อนๆ ซึ่งปัจจุบันเป็นบรรดาผู้นำของประเทศ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชากับเวียดนาม โดยเยาวชนกัมพูชายังคงให้ความสำคัญต่อการทำนุบำรุงและเสริมสร้างสัมพันธไมตรี ซึ่งถือเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ของแต่ละคน ด้วยบทบาทเป็นเยาวชน พวกเราจำเป็นต้องศึกษาเกี่ยวกับโอกาสความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศในฐานะเป็นประเทศเพื่อนบ้านท่ามกลางกระแสโลกาภิวัตน์ ซึ่งมีปัจจัยหลายๆ อย่าง ด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม หรือการค้า ที่สามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันได้ เพื่อความร่วมมือทั้งในระดับทวิภาคีและภูมิภาค”
นาย ฮุน มานี เกิดปี 1982 ที่จังหวัด กัมปงจาม หรือปัจจุบันมีชื่อว่า Tbong Khmum ของประเทศกัมพูชา ซึ่งเขาเองเป็นลูกคนสุดท้องของสมเด็จ ฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีและประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งตั้งแต่ยังเป็นเด็ก นาย ฮุน มานี ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีในเรื่องการศึกษาพร้อมความคาดหวังในอนาคตที่สดใสจากครอบครัว เมื่อปี 2005 เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีหลักสูตรรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Hofstra ประเทศฝรั่งเศส และระดับปริญญาโทสาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัย Melbourne ประเทศออสเตรเลียเมื่อปี 2007 หลังจากเดินทางกลับประเทศเมื่อปี 2008 นาย ฮุน มานี ได้เริ่มต้นเส้นทางเข้าสู่วงการการเมืองด้วยตำแหน่งผู้ช่วยนายกรัฐมนตรี นอกเหนือจากการเคยเป็นประธานกลุ่มสมาชิกรัฐสภารุ่นใหม่กัมพูชา ประธานคณะกรรมการด้านการศึกษา เยาวชน กีฬา วัฒนธรรม ศาสนา และการท่องเที่ยว ของสภาแห่งชาติกัมพูชา ปัจจุบัน นาย ฮุน มานี กำลังดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการพลเรือน ควบคู่กับการเป็นประธานสหภาพเยาวชนกัมพูชา ซึ่งในการปฏิบัติหน้าที่ต่าง ๆ เขา ได้พยายามอย่างสุดความสามารถในการส่งเสริมความสัมพันธ์มิตรภาพเวียดนาม-กัมพูชา
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เศรษฐกิจการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศมีแนวโน้มที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้เยาวชนคนรุ่นใหม่จำเป็นต้องมีการตระหนักรู้ใหม่ๆ เพื่อสามารถปรับตัวให้เข้ากับกระแสดังกล่าว นาย ฮุน มานี แสดงความเห็นว่า
“ศักยภาพทางเศรษฐกิจและการค้าของทั้งสองประเทศเป็นสิ่งที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ต้องเรียนรู้มากขึ้น ซึ่งความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างรัฐบาลเวียดนามกับกัมพูชา โดยเฉพาะในด้านสาธารณสุข ได้ช่วยให้ประชาชนชาวกัมพูชาที่อาศัยตามพื้นที่ชายแดน สามารถเดินทางไปรักษาสุขภาพที่ประเทศเวียดนามได้อย่างสะดวก ยิ่งไปกว่านั้น ทางการเวียดนามยังคงให้การสนับสนุนพวกเราในด้านการศึกษาและฝึกอบรม โดยกลุ่มนักเรียนชาวกัมพูชาที่สำเร็จการศึกษาจากเวียดนามและเดินทางกลับประเทศนั้น ได้มีส่วนร่วมอันสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ”
ในฐานะเป็นประธานกลุ่ม สส. รุ่นใหม่ พร้อมเป็นประธานคณะกรรมการการศึกษา เยาวชน กีฬา วัฒนธรรม ศาสนา และการท่องเที่ยว แห่งสภาแห่งชาติ ระยะปี 2013-2023 นาย ฮุน มานี ได้เป็นผู้แทนของกลุ่มฯ เข้าร่วมการประชุมและกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนหรือ SDG ที่จัดขึ้นโดยสภาแห่งชาติเวียดนาม โดยเฉพาะในโอกาสฉลองครบรอบ 55 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างเวียดนามกับกัมพูชาเมื่อปี 2022 นาย ฮุน มานี ได้เดินทางไปยังเวียดนามเพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ที่สำคัญ ร่วมกับกลุ่มสมาชิกรัฐสภารุ่นใหม่ของเวียดนาม
“กลุ่ม สส. รุ่นใหม่กัมพูชาและเวียดนามได้มีการหารือและจัดกิจกรรมที่เป็นรูปธรรมเพื่อมุ่งสู่อนาคต พร้อมเสริมสร้างความร่วมมือผ่านกลไกต่างๆ ของรัฐสภาทั้งสองประเทศ สำหรับในด้านความร่วมมือระดับภูมิภาค ทั้งสองฝ่ายได้มีการแลกเปลี่ยนในกรอบการทำงานของกลุ่มรัฐสภารุ่นใหม่ของ AIPA โดยให้การสนับสนุนความคิดริเริ่มของกลไกการประชุมสมาชิกรัฐสภารุ่นใหม่หรือ AIPA ซึ่งได้รับการเสนอโดยสภาแห่งชาติเวียดนามในการประชุมสมัชชาใหญ่ AIPA ครั้งที่ 41 พร้อมนำกลไกการประชุมสมาชิกรัฐสภารุ่นใหม่ AIPA ให้กลายเป็นการประชุมระดับคณะกรรมการ”
นาย ฮุน มานี ให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับกัมพูชา |
ความกระตือรือร้นและคล่องตัวของนาย ฮุน มานี ถือเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับเยาวชนทั้งสองประเทศ ซึ่งเขาเองไม่เพียงแค่ดูแลสร้างสรรค์ชีวิตทางจิตใจของสมาชิกเพื่อให้พวกเขาสามารถเสริมสร้างความเข้มแข็งของ “วัยหนุ่มสาว” เท่านั้น แต่ยังให้การสนับสนุนเยาวชนหลายคนในการพัฒนาฐานะทางเศรษฐกิจ นาย ทง ซาวิน และ เฮง วุตที สมาชิกสหภาพเยาวชนกัมพูชา ได้แสดงความเคารพพร้อมความปิติว่า
“นาย ฮุน มานี เป็นผู้นำที่มีความความกระตือรือร้นอย่างมากในกิจกรรมต่างๆ ของสหภาพฯ โดยมีการแนะแนวและให้ความช่วยเหลือพวกเราในการตระหนักถึงความรับผิดชอบของตน เราถือเขาเป็นเหมือนพี่ชาย พร้อมรับฟังเพื่อทำความเข้าใจและช่วยเหลือพวกเราในการแก้ไขอุปสรรคหลายอย่างทั้งเรื่องงานและการใช้ชีวิต อีกทั้งเปิดโอกาสให้พวกเราเดินทางไปศึกษาที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งทำให้ผมรู้สึกรักงานของตนเองมากขึ้น”
“ผมรู้สึกดีใจมากๆ เมื่อได้รู้จักและทำงานร่วมกับนาย ฮุน มานี เนื่องจากสุขภาพของผมไม่ค่อยดีนัก ทำให้ผมรู้สึกเป็นภาระของครอบครัวและสังคม แต่พี่ ฮุน มานี และสหภาพเยาวชนกัมพูชา ต่างให้การสนับสนุนผมในการสร้างฐานะ ฉะนั้น ผมและเพื่อนๆ หลายคนที่เป็นเหมือนผมจึงมีกำลังใจในการสู้ชีวิต พวกเราไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แถมยังได้โอกาสมีส่วนร่วมพัฒนา”
ทั้งนี้ นาย ฮุน มานี ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อการพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับกัมพูชาในทุกด้าน โดยในหน้าที่ใหม่ที่ได้รับมอบหมาย นาย ฮุน มานี มีความประสงค์อยากให้รัฐบาลเวียดนามฝึกอบรมและช่วยเหลือเยาวชนชาวกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมความเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างเยาวชนทั้งสองประเทศ อีกทั้งส่งสารต่อเยาวชนกัมพูชาทุกคนให้สามัคคีกันและกระชับมิตรภาพอันดีงามระหว่างเวียดนามกับกัมพูชาให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น./.