ฝ่ามเตวี๊ยน – จากหัวหน้าคณะผู้เชี่ยวชาญเวียดนามในกัมพูชาสู่การเป็นพ่อบุญธรรมของลูกชาวกัมพูชา 9 คน

(VOVWORLD) -  ในช่วงปี 1979-1989  ตามข้อเสนอของพรรคปฏิวัติประชาชนกัมพูชา  ผู้เชี่ยวชาญเวียดนามหลายหมื่นคนได้เดินทางไปยังกัมพูชาเพื่อปฏิบัติหน้าที่ระหว่างประเทศ ช่วยปกป้องประชาชนชาวกัมพูชาจากระบอบฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เขมรแดง ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมและสร้างสรรค์ชีวิตใหม่ มีผู้เชี่ยวชาญดีเด่นหลายคนที่ได้อุทิศวัยเยาว์เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูประเทศกัมพูชา โดยเฉพาะหลังจากเสร็จสิ้นการปฏิบัติหน้าที่ในกัมพูชายังได้อาสารับนักเรียนกัมพูชามาเรียนที่เวียดนาม ซึ่งหนึ่งในนั้นคือนาย ฝ่ามเตวี๊ยน อดีตหัวหน้าคณะผู้เชี่ยวชาญเยาวชนเวียดนามในกัมพูชาระหว่างปี 1979-1989 ที่ต่อมาเขาได้เป็นพ่อบุญธรรมของเด็กกัมพูชา  9 คน
ฝ่ามเตวี๊ยน – จากหัวหน้าคณะผู้เชี่ยวชาญเวียดนามในกัมพูชาสู่การเป็นพ่อบุญธรรมของลูกชาวกัมพูชา  9 คน - ảnh 1นาย ฝ่ามเตวี๊ยน อดีตหัวหน้าคณะผู้เชี่ยวชาญเยาวชนเวียดนามในกัมพูชาระหว่างปี 1979-1989 ที่ต่อมาเขาได้เป็นพ่อบุญธรรมของเด็กกัมพูชา  9 คน
นายฝ่ามเตวี๊ยนที่ปัจจุบันอยู่ในวัยชรา แม้ผมจะหงอกและมือทั้งสองข้างที่ไม่กระฉับกระเฉงเหมือนแต่ก่อนกำลังเปิดไดอารี่และอัลบั้มรูปอย่างช้าๆ แต่ถ้าได้ฟังคุณตาฝ่ามเตวี๊ยนเล่าถึงความทรงจำเกี่ยวกับประเทศและคนกัมพูชา หลายคนจะรู้สึกว่าชายผู้นี้ไม่ใช่คนแก่วัย 80  เพราะยังจดจำได้ดีถึงทุกเหตุการณ์สำคัญ นาย ฝ่ามเตวี๊ยน เคยเป็นเลขาธิการพรรคสาขาอำเภอบั๊กห่า จังหวัดลาวกาย หลังจากรวมประเทศเป็นเอกภาพก็ได้กลับมาทำงานที่กองเยาวชนส่วนกลาง เมื่อปี 1979 เขาได้รับมอบหมายหน้าที่ให้เป็นหัวหน้าคณะผู้เชี่ยวชาญเยาวชนเวียดนามไปช่วยเหลือการปฏิวัติกัมพูชาและปฏิบัติหน้าที่ในประเทศกัมพูชาเป็นเวลา 10 ปี

“ปกติ ถ้านึกถึงผู้เชี่ยวชาญ ทุกคนจะนึกถึงคนที่แต่งตัวเรียบร้อยและถือกระเป๋าเอกสาร แต่เมื่อเราไปยังกัมพูชา การกินอยู่และใช้ชีวิตมีความเรียบง่ายเหมือนคนกัมพูชา เราต้องจัดหาทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งหม้อ กระทะ ชาม และตะเกียบ กินด้วยกัน อยู่ร่วมกัน ทำงานร่วมกัน แบ่งเบาความยากลำบากกับประชาชน"

ถึงแม้จะต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมาย แต่นายเตวี๊ยนยืนยันว่า ผู้เชี่ยวชาญและอาสาสมัครเวียดนามยังคงยึดมั่นปฏิบัติตามหลักการ "อย่าฉกฉวย แสวงหาผลประโยชน์ที่เป็นของประชาชน แม้แต่เข็มเล่มเดียวหรือเส้นด้ายเส้นเดียวก็ต้องไม่เอา" ซึ่งหลักการนี้ได้ช่วยทำให้มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับประชาชน ได้รับความเคารพ ไว้วางใจและคุ้มครองปกป้องจากประชาชน แล้วพวกเขาก็เรียกอาสาสมัครและผู้เชี่ยวชาญเวียดนามว่า "กองทัพพุทธ"

“มีบางครั้งที่ไปทำงานในท้องถิ่นถ้าไม่มีประชาชนในพื้นที่ เราก็ลำบาก อย่างครั้งหนึ่งตอนไปที่จังหวัดตาแก้ว อากาศร้อน และพวกเราก็เหนื่อย เมื่อไปถึงที่ทะเลสาบเราก็หยุดจอดรถเพื่อล้างหน้าให้สดชื่น แต่ก็เห็นชาวกัมพูชา ยืนกวักมือเรียก "ทหารเวียดนาม” ซึ่งดูท่าทางแปลกๆจึงบอกให้เจ้าหน้าที่ไปหาเขาเพื่อดูว่าพวกเขาพูดอะไร ซึ่งพวกเขาบอกว่า อย่าลงไป ในน้ำมีจระเข้ ผมและล่ามจึงลงมาพูดคุยและขอบคุณชาวบ้าน ไม่ว่าจะเดินทางไปไหนทั้งพระตะบอง เสียมราฐ  พรมแดนที่ติดกับประเทศไทย ก็ล้วนแต่ได้รับการช่วยเหลือจากกองกำลังและประชาชนกัมพูชา”

ฝ่ามเตวี๊ยน – จากหัวหน้าคณะผู้เชี่ยวชาญเวียดนามในกัมพูชาสู่การเป็นพ่อบุญธรรมของลูกชาวกัมพูชา  9 คน - ảnh 2คณะผู้เชี่ยวชาญเยาวชนที่นำโดยนาย ฝ่ามเตวี๊ยน มีหน้าที่ช่วยเหลือกัมพูชาระดมกองกำลังเยาวชน สร้างสรรค์กองเยาวชน สมาคมเยาวชนปฏิวัติ กองยุวชนและการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่รุ่นใหม่ตั้งแต่ส่วนกลางไปจนถึงระดับท้องถิ่น

ในช่วง 10 ปีที่ปฏิบัติหน้าที่ในประเทศกัมพูชา คณะผู้เชี่ยวชาญเยาวชนที่นำโดยนาย ฝ่ามเตวี๊ยน มีหน้าที่ช่วยเหลือกัมพูชาระดมกองกำลังเยาวชน สร้างสรรค์กองเยาวชน สมาคมเยาวชนปฏิวัติ กองยุวชนและการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่รุ่นใหม่ตั้งแต่ส่วนกลางไปจนถึงระดับท้องถิ่น เยาวชนรุ่นเยาว์หลายคนที่เคยร่วมทำงานกับนาย เตวี๊ยน หรือได้รับคำแนะนำจากเขา ขณะนี้ได้ดำรงตำแหน่งสำคัญๆในรัฐบาลและรัฐสภากัมพูชา

ด้วยส่วนอุทิศและการทุ่มเททำงาน นาย ฝ่ามเตวี๊ยน ได้รับเหรียญอิสริยาภรณ์แรงงานชั้นหนึ่งของรัฐกัมพูชา หลังจากกลับประเทศ เขาได้รับเข็มที่ระลึกเพื่อภารกิจระหว่างประเทศและเข็มที่ระลึกอื่นๆอีกมากมายจากนายกรัฐมนตรีเวียดนาม หลังจากเกษียณอายุราชการ เขาได้เข้าร่วมคณะกรรมการบริหารของสมาคมมิตรภาพเวียดนาม-กัมพูชา และยังคงมีส่วนร่วมต่อการกระชับและส่งเสริมมิตรภาพและความสามัคคีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ ที่น่าสนใจคือ ขบวนการ "บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งมิตรภาพ"ของสมาคมมิตรภาพเวียดนาม – กัมพูชาที่ปฏิบัติมาตั้งแต่ปี 2012 โดยรณรงค์ให้อดีตทหารอาสาสมัคร อดีตผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่เวียดนามอุปถัมภ์ ช่วยเหลือนักเรียนกัมพูชา เนื่องจากมีความรู้สึกที่ดีต่อประเทศและประชาชนกัมพูชา และมีการติดต่อโดยตรงกับเยาวชนและนักศึกษากัมพูชาเป็นเวลากว่า 10 ปี นาย ฝ่ามเตวี๊ยน จึงไม่มีความลังเลในการเข้าร่วมขบวนการที่มีความหมายนี้ตั้งแต่แรกเริ่ม

 “จนถึงปัจจุบัน ผมได้ให้การช่วยเหลือนักเรียนกัมพูชา 9 คนโดยมีคน 6 คนที่จบการศึกษาและเดินทางกลับกัมพูชาและอีกเหลือ 3 คนยังคงเรียนอยู่ที่กรุงฮานอย ผมถือว่าพวกเขาเป็นลูกหลานในครอบครัว หลายครั้งที่ผมไปหอพักเพื่อดูว่าพวกเขาขาดแคลนอะไร ผมมอบเงินเพื่อช่วยเหลือพวกเขาทุกเดือน เมื่อมีโอกาส ผมพาเด็กๆ ไปเที่ยวบ้านเกิด เยี่ยมชมเขตโบราณสถานวิหารหุ่งเพื่อช่วยให้พวกเขามีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับวัฒนธรรมและคนเวียดนาม โดยเฉพาะมีคนที่แต่งงานกับสาวเวียดนาม ผมก็พยายามดูแลขั้นตอนต่างๆอย่างรอบคอบ หลังจากนั้น ครอบครัวเขาในกัมพูชาก็มาเวียดนาม มาเยี่ยมเยือนผม กล่าวขอบคุณและพูดคุยกันอย่างสนิทสนม”

ถึงแม้ไม่ค่อยได้เจอกันเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่นาย เตวี๊ยนและลูกๆ ก็ยังคงคุยกันทางโทรศัพท์เป็นประจำทุกสัปดาห์ คุณ โมนี่ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 จากมหาวิทยาลัยวิศวกรรม ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของนาย เตวี๊ยน เผยว่า เขา/เธอชอบไปบ้านพ่อบุญธรรม เพราะนอกจากจะพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาเวียดนามแล้ว เธอยังได้ฟังเรื่องราวดีๆ มากมายเกี่ยวกับช่วงเวลาที่นาย เตวี๊ยนทำงานที่กัมพูชา

“นอกจากการช่วยเหลือพวกหนู/ผมทั้งด้านวัตถุและจิตใจในการศึกษาแล้ว เขายังช่วยให้พวกหนูมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับมิตรภาพและความสามัคคีระหว่างประชาชนกัมพูชากับเวียดนาม ความช่วยเหลือที่จริงใจของเวียดนามที่มีต่อกัมพูชา ช่วยให้กัมพูชาหลุดพ้นจากระบอบฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และฟื้นฟูประเทศ"   

หลังจากเสร็จสิ้นการปฏิบัติหน้าที่ระหว่างประเทศและเดินทางออกจากกัมพูชาเมื่อปี 1989 ในปี 2017 นาย เตวี๊ยน ก็มีโอกาสได้กลับไปเยือนประเทศกัมพูชาอีกครั้งพร้อมกับกลุ่มทหารผ่านศึกและผู้เชี่ยวชาญชาวเวียดนาม เขาเล่าว่า การได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของกัมพูชาทำให้เขารู้สึกตื้นตันใจมาก และความตื้นตันใจนี้ก็มากขึ้นเป็นทวีคูณเมื่อได้เจอเพื่อนเก่าและลูกบุญธรรมที่โตเป็นผู้ใหญ่พร้อมอ้อมกอดอันอบอุ่น การทักทายกันอย่างจริงใจและร่วมกันร้องเพลง "เวียดนาม-กัมพูชา สามัคคี".

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด