(VOVworld)- เวียดนามจากเดิมเป็นประเทศเกษตรกรรมที่ล้าหลัง ยากจนที่เพิ่งรอดพ้นจากสงครามก็ได้ก้าวรุดหน้าไปกลายเป็นประเทศที่คล่องตัว พัฒนาและประสบผลสำเร็จในทุกด้านโดยเฉพาะเศรษฐกิจและวัฒนธรรมสังคมภายในเวลา30ปี ซึ่งเรื่องราวแห่งความมหัศจรรย์นี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี1986ด้วยหัวข้อว่า “โด๋ยเม้ย” หรือ “การเปลี่ยนแปลงใหม่” ซึ่งเพื่อที่จะช่วยให้ผู้ชมมีความเข้าใจในบรรยากาศแห่งการเปลี่ยนแปลงใหม่ตั้งแต่เริ่มแรกและคุณค่าที่สำคัญของภารกิจนี้ ทางพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติได้จัดงานแสดงในหัวข้อ “โด๋ยเม้ย-เส้นทางแห่งความฝัน”

ในบรรยากาศของงานแสดงบนพื้นที่กว่า200ตารางเมตร เอกสาร สิ่งของวัตถุ พร้อมเรื่องราวคำพูดจากบรรดานักการเมือง นักวิจัยและประชาชนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้รับการบรรยายอย่างสมบูรณ์และหลากหลายเพื่อช่วยให้ผู้ชมมีความเข้าใจและเร่งเร้าให้ทุกคนตระหนักถึงจิตใจแห่งการสร้างสรรค์เปลี่ยนแปลงใหม่เพื่ออนาคตที่งดงามยิ่งขึ้น คุณฝามถิมายถวี หัวหน้าฝ่ายการศึกษาและสาธารณชนแห่งพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติได้เผยว่า “การจัดแสดงเกี่ยวกับผลสำเร็จใน30ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศภายในพื้นที่เพียง200ตารางเมตรนั้นจะไม่สามารถบรรยายได้หมดดังนั้นเราก็ตั้งเป้าหมายในการจัดแสดงครั้งนี้เพื่อให้ผู้ชมวัยกลางคนที่เคยผ่านช่วงเวลารัฐอุปถัมภ์ที่ประจักกับตาถึงการเปลี่ยนแปลงใหม่ของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ก็หวังว่าผู้ชมที่เป็นคนรุ่นใหม่จะสนใจมาดูเพื่อมีความเข้าใจในช่วงเวลาที่สำคัญของประเทศ”

คูปองซื้อของทั้งข้าว น้ำมันหรือเนื้อสัตว์

“เปลี่ยนแปลงใหม่เพื่อก้าวไปข้างหน้า”คือหนึ่งในหัวข้อของงานนิทรรศการ โดยได้มีการจัดแสดงภาพถ่ายท่านเลขาธิการใหญ่พรรค เหงวียนวันลิงห์ขณะเดินทางไปเยี่ยมชาวบ้านที่ทุ่งนาซึ่งได้สะท้อนบรรยากาศที่คึกคักแห่งการเปลี่ยนแปลงใหม่ในตอนนั้น โดยทั้งผู้บริหารส่วนกลางและประชาชนได้ร่วมกันผลักดันกระบวนการเปลี่ยนแปลงใหม่นี้อย่างไม่หยุดยั้ง ทางพิพิธภัณฑ์ได้เน้นใช้คำศัพท์ต่างๆที่จะช่วยให้ผู้ชมสามารถนึกภาพเกี่ยวกับภารกิจดังกล่าวอย่างสะดวกเช่น “การเปลี่ยนแปลงใหม่ การผสมผสาน การขยายตัวและพลังที่เข้มแข็ง” โดยการเปลี่ยนแปลงใหม่ได้นำโอกาสการพัฒนามาให้แก่เวียดนาม สร้างความคล่องตัวและกระตุ้นการขยายตัวของประเทศ คุณฝามถิมายถวี หัวหน้าฝ่ายการศึกษาและสาธารณชนแห่งพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติได้เผยต่อไปว่า “การเปลี่ยนแปลงใหม่นั้นไม่เพียงแต่สร้างโฉมใหม่ให้แก่ประเทศเท่านั้นหากยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนตั้งแต่ภาคการศึกษา สาธารณสุข วัฒนธรรมจิตใจเป็นต้น ซึ่งนั่นคือพลังรวมเพื่อให้เวียดนามก้าวรุดหน้าไปบนเส้นทางแห่งการสร้างสรรค์ประเทศที่ประชาชนมั่งคั่ง ประเทศมีความเข้มแข็ง ยุติธรรม มีประชาธิปไตยและอารยธรรม”

สิ่งของวัตถุต่างๆที่จัดแสดงในงานครั้งนี้มาจากการสะสมเก็บรักษามาเป็นเวลานานของทางพิพิธภัณฑ์และได้รับมอบจากบุคคลหรือองค์กรต่างๆดังนั้นการจัดนิทรรศการครั้งนี้จึงเปี่ยมด้วยความหมายและคุณค่าที่ลึกซึ้งโดยเฉพาะการที่ผู้ชมได้อ่านได้ฟังความเห็นในหลากหลายแง่มุมของประชาชนทุกภาคส่วน และสิ่งที่น่าสนใจในงานคือได้มีการจัดโซนพิเศษให้ผู้ชมได้แสดงความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนเรื่องราวความทรงจำเกี่ยวกับยุคเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศผ่านการตอบคำถาม “การเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศนั้นได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของท่านอย่างไร”

นิทรรศการครั้งนี้จะจัดไปจนถึงปลายปี2016ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นโครงการใหญ่ที่เชื่อมสัมพันธ์ระหว่างผู้ชมกับทางพิพิธภัณฑ์เพื่อเรียกร้องให้ประชาชนมอบสิ่งของวัตถุและเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องกับช่วงเวลาที่สำคัญนี้ของประเทศ มุ่งสู่การจัดงานนิทรรศการในขอบเขตที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ในอนาคต.