เหงียนเจิ่นขายยวี (โฟโตที่จัดโดยคณะกรรมการจัดงาน)

ชื่อของเหงียนเจิ่นขายยวีได้รับความสนใจจากการคว้ารางวัลในการประกวดแต่งกลอน “หลูกบ๊าด” ที่จัดโดยบริษัทหุ้นส่วนวัฒนธรรมไซ่ง่อน บุ๊ค ซึ่งเป็นการแต่งกลอนตามหลักการคือ วรรคแรกมี 6 คำ วรรคที่สองมี 8 คำ 2 วรรคเป็น 1 บาท คำสุดท้ายของวรรคที่ 1 ต้องสัมผัสกับคำที่ 6 ของวรรคที่ 2 โดยบทกลอนที่มีชื่อว่า “เหวื่อเกาจือดู๋แยวเหวิ่นจาบเยียง” ได้วาดภาพบรรยากาศตรุษเต๊ตที่มีชีวิตชีวา พอเพียงและอบอุ่นในจินตนาการของคนฟัง

“รักพอเพื่อให้ใจคิดถึง เติมไฟให้พอเพื่อให้เตาอบอุ่น เกสรดอกบัวที่เคลือบชาให้พอมีกลิ่นหอม ดอกไม้สวยส่งกลิ่นหอมพอให้อบอวลทั่วบ้าน คุณแม่สุขใจน้ำตาคลอเมื่อลูกกลับบ้านฉลองปีใหม่”

เหงียนเจิ่นขายยวีกล่าวว่า เมื่อเห็นถาดผลไม้ในวันตรุษเต๊ตประเพณีที่แม่ได้เตรียมไว้ทำให้เขานึกถึงความพอเพียงในชีวิตและแต่งบทกวีนี้ ในตลอด 4 ปีที่ผ่านมา แม้ยังเป็นนักศึกษาแต่ขายยวีได้เข้าร่วมและเดินพร้อมกับกระบวนการแต่งกลอนของคนรุ่นใหม่ในนครโฮจิมินห์มาโดยตลอดและสามารถแต่งกลอนที่สะท้อนอารมณ์ความรู้สึกในชีวิตประจำวัน            “หวังว่า นี่จะเป็นเวทีที่จริงจังสำหรับกวีรุ่นใหม่เพื่อจุดประกายความรักกวีและการแต่งกลอนให้แก่คนรุ่นใหม่ พร้อมทั้งเป็นฟอรั่มเพื่อแลกเปลี่ยนสังสรรค์ระหว่างกวีรุ่นพี่และรุ่นน้อง รุ่นน้องมีความกระตือรือร้น ส่วนรุ่นพี่ก็มีประสบการณ์”

กวีหญิงจุงบ๋าวเงิน  (­Photo nhavantphcm.com.vn)

สำหรับกวีหญิงจุงบ๋าวเงิน นักศึกษาปีสุดท้ายของมหาวิทยาลัยสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์โฮจิมินห์แม้จะเพิ่งแต่งกลอนได้ไม่นานแต่เธอนำสีสันใหม่มาให้แก่การกวีของนครโฮจิมินห์ โดยบทกลอนของเธอสะท้อนความใสซื่อและความกระตือรือร้นของคนรุ่นใหม่แต่ยังแฝงไว้ซึ่งความกังวลเกี่ยวกับสถานะของสตรีในสังคมยุคใหม่ ซึ่งผลงานที่น่าสนใจของเธอคือ “เดาด๊อเหยือไซ่ง่อน” “โดกแห่ง” และ “เหยิดหมิ่ง” เป็นต้น            “เราเป็นคนรุ่นใหม่ที่แต่งกวี ดังนั้นก็พบแรงกดดันเนื่องจากยังขาดประสบการณ์ชีวิต ซึ่งทำให้กลอนมีความลึกไม่พอ อารมณ์ในการแต่งกลอนส่วนใหญ่มาจากชีวิตรอบตัวและประสบการณ์ของตัวเองที่อยากถ่ายทอดออกมาตามเอกลักษณ์ของตนเอง”

อารมณ์ความรู้สึกต่างๆในความรักและชีวิตยุคใหม่คือหัวข้อที่กวีรุ่นใหม่ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก นี่คือความคิดเห็นของนาง มิงห์ดาน สมาชิกคณะนักเขียนรุ่นใหม่ในนครโฮจิมินห์และยังเผยว่า กวีรุ่นใหม่เป็นคนที่กล้าแสดงอารมณ์และมีมุมมองที่บริสุทธ์เกี่ยวกับชีวิต            “การแต่งกลอนของคนรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้สามารถเข้าถึงทุกลมหายใจของชีวิตได้แล้ว ซึ่งไม่เพียงแต่กล่าวถึงความงามแสนโรแมนติกต่างๆเท่านั้นหากยังสะท้อนชีวิตของบุคคลที่อยู่รอบตัวเราและดิฉันได้ตั้งความหวังเป็นอย่างมากต่อพวกเขา”

ในเวทีครั้งนี้ มีกวีหน้าใหม่ 15 คนมีโอกาสแนะนำกลอนของตนนับร้อยบท เช่น วันเหงียนเลือง จุงบ๋าวเงิน เจืองหมีหงอก ซีแกน หยะที เหงียนเตี๊ยนหวูและเหงียนเจิ่นขายยวี ซึ่งสะท้อนพลังแห่งชีวิตที่เข้มแข็งและความปรารถนาที่จะได้แสดงความเป็นตัวเองและการแต่งกลอนของกวีรุ่นใหม่.