งานแสดงคอนเสิร์ต  “สิ่งที่คงอยู่ตลอดกาล 2022”

งานแสดงคอนเสิร์ต         “สิ่งที่คงอยู่ตลอดกาล 2022” เป็นรายการแสดงศิลปะที่มีความหมายในโอกาสวันชาติ 2 กันยายน ซึ่งมีส่วนช่วยปลูกฝังความรักและความภาคภูมิใจของประชาชน เป็นรายการแสดงศิลปะที่มีการผสมผสานระหว่างดนตรีพื้นเมืองกับแนวเพลงร่วมสมัย  ยืนยันคุณค่าที่ยั่งยืนต่างๆ  คอนเสิร์ตดังกล่าวมีวาทยกร เลฟีฟี นักดนตรี ก๊วกจุง และผู้อำนวยการวงออเคสตราเวียดนาม จิ่งตุ่งลิง เข้าร่วมในฐานะคณะกรรมการที่ปรึกษาและมีนักร้องชื่อดังหลายคนเข้าร่วมด้วย  เช่น แทงลาม ตุ่งเยือง ดังเยือง หวูทั้งเหลย ฝามทูห่าและฝามแค้งหงอก เป็นต้น  โดยผลงานดนตรีที่แสดงในงานนี้ล้วนแต่เป็นผลงานที่ผู้ฟังคุ้นเคย  นาย ฝามแองต๊วน บรรณาธิการใหญ่หนังสือพิมพ์ออนไลน์ VietNamNet เผยว่า

ภายหลังพิธีเคารพธงชาติและร้องเพลงชาติเวียดนาม งานแสดงคอนเสิร์ตดังกล่าวได้เปิดขึ้นด้วยผลงานดนตรี “Người về đem tới ngày vui”  หรือ “ท่านกลับมาพร้อมวันแห่งความสุข” ของนักดนตรีจ่องบั่ง ซึ่งพาผู้ชมย้อนอดีตกลับสู่ช่วงเวลาอันศักดิ์สิทธิ์และมีความหมายของประชาชาติของวันที่ 2 กันยายนปี 1945 ณ จัตุรัสบาดิ่งห์ ที่ประธานโฮจิมินห์ได้อ่านปฏิญญาเอกราช สถาปนาประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม ต่อจากนั้น ได้มีการแสดงผลงานดนตรีต่างๆเกี่ยวกับความทรงจำในช่วงเวลาที่ทั่วประเทศร่วมกันรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา   ซึ่งแสดงให้เห็นถึงน้ำใจและความสำนึกในบูญคุณต่อบรรดาแพทย์ผ่านบทเพลงสองบทคือ“Bài ca người chiến sĩ áo trắng” หรือ “บทเพลงเกี่ยวกับแพทย์”   “Hoa huệ trắng”หรือ “ ดอกซ่อนกลิ่น” ขับร้องโดยเจิ่นจาง จางบุ่ยและคณะนักร้องประสานเสียงหญิงของโรงละครนาฏศิลป์   ซึ่งนักดนตรีหว่างเวินได้แต่งทั้ง 2 เพลงนี้ในช่วงสงครามต่อต้านจักรวรรดินนิยมอเมริกาเพื่อกู้ชาติช่วงปี 60 และ 70  นาง เหงวียนถิมิงทู อดีตแพทย์โรงพยาบาลจักษุส่วนกลาง เผยว่า

“เรารู้สึกซาบซึ้งใจมากเมื่อได้รับชมงานแสดงคอนเสิร์ตนี้ บทเพลง “Bông huệ trắng” หรือ “ ดอกซ่อนกลิ่น” เป็นเพลงเก่าที่ได้รับการแต่งมานานมากแล้ว ซึ่งการแสดงบทเพลงนี้เพื่อสดุดีกองกำลังสาธารณสุขมีความหมายมาก”

วาทยกร เลฟีฟี

ในกรอบงานคอนเสิร์ต         “สิ่งที่คงอยู่ตลอดกาล 2022”  ยังมีการแสดงบทเพลงต่างๆ เช่น “Bài ca hy vọng” “บทเพลงแห่งความคาดหัวง”  “Hà Nội ngày trở về”หรือ “ฮานอยวันที่ฉันกลับ”  Đất nước tình yêu”หรือ “ประเทศแห่งความรัก”  เป็นต้น โดยนักดนตรีจ่องด่าย ก๊วกจุง เจิ่นแหมงหุ่ง ลิวห่าอานและลิวกวางมิงได้เพิ่มพลังชีวิตใหม่ให้แก่บทเพลงเหล่านี้    นาย วีถวดทั้ง จากเขตหายบ่าตรึงแสดงความเห็นว่า

 “เพลงในคอนเสิร์ตวันนี้ ผมเคยได้ฟังแล้ว แต่ท่ามกลางบรรยากาศทั่วประเทศฉลองวันชาติ เมื่อได้ฟังอีกครั้ง ผมก็รู้สึกตื้นตันใจมากเหมือนอยู่ในยุคแห่งการปฏิวัติและรู้สึกว่ามีหน้าที่ที่ต้องสานต่อและเชื่อมั่นต่อการนำของพรรคในภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศเพื่อมีส่วนร่วมต่อการสร้างสรรค์ประเทศให้เจริญรุ่งเรืองมากขึ้น”

การผสมผสานระหว่างเสียงร้องและเสียงดนตรี ระหว่างดนตรีคลาสสิกกับดนตรีพื้นเมือง เพลงเก่ากับเพลงใหม่ และการแสดงของนักร้องรุ่นต่างๆได้เป็นการนำเสนอความหลากหลาย ยกย่องและยืนยันพลังที่เข้มแข็งของดนตรีเวียดนาม อีกทั้งแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาเกี่ยวกับประเทศเวียดนามที่จะพัฒนาและคงอยู่ยั่งยืนตลอดกาล.