จากการร้องเพลงให้ลุงโฮฟังถึงการร้องเพลงเพื่อออกอากาศทางสถานีวิทยุเวียดนาม

(VOVWORLD) - 74 ปีได้ผ่านพ้นไป แต่นักดนตรีเจิ่นเวียดบิ๋งยังคงจดจำถึงการได้พบและร้องเพลง  “Ai yêu Bác Hồ Chí Minh hơn thiếu niên nhi đồng”หรือแปลว่า ใครรักลุงโฮมากกว่ายุวชนและเด็กให้ประธานโฮจิมินห์ฟังเมื่อปี 1946 ซึ่งตอนนั้น เขามีอายุเพียง 13ขวบเท่านั้น ซึ่งการได้ร้องเพลงให้ประธานโฮจิมินห์ฟังและการร้องเพลงเพื่อออกอากาศผ่านทางสถานีวิทยุเวียดนามได้สร้างพลังขับเคลื่อนให้นาย เจิ่นเวียดบิ๋ง กลายเป็นนักดนตรีและได้รับรางวัลจากรัฐในด้านวรรณศิลป์
จากการร้องเพลงให้ลุงโฮฟังถึงการร้องเพลงเพื่อออกอากาศทางสถานีวิทยุเวียดนาม - ảnh 1นักดนตรีเจิ่นเวียดบิ๋ง (nbtv.vn

ถึงแม้ปีนี้นักดนตรีเจิ่นเวียดบิ๋ง จะมีอายุ 87 ปีแล้วแต่ก็ยังคงมีสุขภาพแข็งแรงและสายตาดีมาก ยังสามารถใช้คอมพิวเตอร์เพื่อแต่งเพลง เล่นเปียโนและร้องเพลงไปด้วย ซึ่งการแสดงที่สร้างความประทับใจมากที่สุดให้แก่นักดนตรีเจิ่นเวียดบิ๋ง คือการร้องเพลง “Ai yêu Bác Hồ Chí Minh hơn thiếu niên nhi đồng” หรือแปลว่า ใครรักลุงโฮมากกว่ายุวชนและเด็กของนักดนตรีฟองหญา ซึ่งเป็นเพลงที่ทำให้ผู้ชมผู้ฟังคิดถึงภาพประธานโฮจิมินห์ที่มีความอบอุ่นและใกล้ชิดที่เคยเห็นผ่านหนังสือ หนังสือพิมพ์และภาพยนตร์ต่างๆ และทุกครั้งที่ร้องเพลงนี้อีกครั้งนักดนตรีเจิ่นเวียดบิ๋งก็จะดูหนุ่มขึ้นและร้องด้วยความซาบซึ้งใจมาก

      นักดนตรีเจิ่นเวียดบิ๋งเล่าให้ฟังว่า บ่ายวันหนึ่งในช่วงกลางปี 1946 ซึ่งตอนนั้น เขาอายุ 13 ขวบพร้อมกองยุวชนอำเภอเมืองท้ายบิ่งและเด็กๆจากจังหวัดใกล้เคียงได้เดินทางไปยังท่าเรือไฮฟองเพื่อต้อนรับประธานโฮจิมินห์ที่เดินทางกลับประเทศหลังเสร็จสิ้นการประชุมที่สำคัญในประเทศฝรั่งเศส โดยประธานโฮจิมินห์ได้เดินออกจากเรือท่ามกลางเสียงกลองพร้อมกองยุวชนที่ยืนรอต้อนรับก่อนที่ท่านจะเดินทางไปที่หอพักพร้อมคณะ

      ในเช้าวันต่อมา ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองท่าไฮฟอง คณะผู้แทนต่างๆได้เข้าเยี่ยมคารวะประธานโฮจิมินห์ก่อนที่ท่านจะเดินทางกลับกรุงฮานอย ซึ่งคณะกองยุวชนคือกลุ่มแรกที่ได้เข้าเยี่ยมคารวะประธานโฮจิมินห์ โอกาสนี้ เจิ่นเวียดบิ๋งและเพื่อนๆได้ขออนุญาตร้องเพลง“Ai yêu Bác Hồ Chí Minh hơn thiếu niên nhi đồng”หรือแปลว่า ใครรักลุงโฮมากกว่ายุวชนและเด็กของนักดนตรีฟองหญาให้ประธานโฮจิมินห์ฟัง เพลงนี้ถูกแต่งขึ้นเมื่อปี1945 แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ร้องให้ประธานโฮจิมินห์ฟังและกลายเป็นเพลงที่รู้จักอย่างกว้างขวาง โดยสมาชิกกองยุวชนและเด็กๆได้ร้องเพลงด้วยความภาคภูมิใจและทำให้บรรยากาศเต็มอิ่มไปด้วยความสุข      “ผมมีอายุน้อยที่สุดจึงได้เป็นตัวแทนของทีมแนะนำการแสดง โดยผมพูดว่า “สวัสดีครับ พวกผมขอร้องเพลงเพลงหนึ่งให้ท่านฟังครับ” เพลงมีท่อนหนึ่งความว่า “ปีนี้แม้ท่านจะมีอายุมากแล้ว แต่ยังคงมีความสุขกายสุขใจ พวกผมมีความประสงค์ว่า ท่านจะมีอายุยืนนานเพื่ออบรมบ่มสอนเด็กๆให้กลายเป็นคนดี” ซึ่งเมื่อท่านได้ฟังเนื้อเพลงท่อนนี้ ท่านได้ลูบหัวพวกเราแล้วน้ำตาไหลและบอกว่า พวกหนูร้องเพลงไพเราะมากๆ”

      การลูบหัวและน้ำใจของลุงโฮที่มีต่อเด็กๆได้สร้างพลังขับเคลื่อนให้เจิ่นเวียดบิ๋งพยายามศึกษาและทำงานมากขึ้น อีกทั้งทำให้เขาชื่นชอบการร้องเพลงและทำงานด้านดนตรีมาตลอด รวมทั้งแต่งเพลงได้กว่า 200 บท

      หลังจากได้ร้องเพลงให้ลุงโฮฟังเมื่อปี 1946 ครอบครัวนาย เจิ่นเวียดบิ๋งก็ย้ายจากจังหวัดท้ายบิ่งมาอาศัยที่จังหวัดนามดิ่ง โดยเขาได้เข้าร่วมวงดนตรีเด็กที่มีชื่อว่า หว่างแองและเป็นหัวหน้าวงในหลายปี ต่อมาครอบครัวนายเจิ่นเวียดบิ๋งได้เปิดร้านขายเครื่องดนตรี พร้อมทั้งสอนการร้องเพลงให้แก่สมาชิกในวงหว่างแอง หาครูสอนดนตรีและหัดแต่งเพลง ซึ่งในตอนนั้น สถานีวิทยุเวียดนามกำลังอัดเพลงที่ขับร้องโดยวงดนตรีเด็กเพื่อเผยแพร่ผ่านทางสถานีวิทยุ โดยวงหว่างแองได้รับมอบหมายให้ฝึกร้องเพลง 10 บทเพื่อไปอัดเสียงที่กรุงฮานอยในทุกๆ 3 เดือน นี่คือช่วงเวลาที่ดีเพราะนายบิ๋งและเพื่อนๆได้พบปะและอัดเพลงกับนักดนตรีที่มีชื่อเสียง รวมทั้งได้มีส่วนร่วมเผยแพร่ผลงานต่างๆผ่านทางสถานีวิทยุ ซึ่งสร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งให้แก่เขาและสถานีวิทยุเวียดนามเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีความผูกพันกับความทรงจำในวัยเด็กของนายเจิ่นเวียดบิ๋ง      “ตอนนั้น นาย ฝ่ามเตวียนคือหัวหน้าแผนกดนตรีของสถานีวิทยุเวียดนาม โดยได้บอกว่า ในการอัดเพลงสำหรับเด็กเพื่อเผยแพร่ผ่านทางสถานีวิทยุเวียดนาม มีแค่วงเซินกาของกรุงฮานอยเพียงวงเดียวจึงได้เสนอให้หาวงดนตรีเด็กจากจังหวัดใกล้เคียง ทางสถานีวิทยุได้มอบหมายให้วงของเราฝึกร้องเพลง 10 บทภายในเวลา 3 เดือนแล้วให้นักดนตรีของวีโอวี เช่น กาวเหวียดแบ๊กและฮวีทือทำการเรียบเรียงเพลงและพาไปบันทึกเสียงที่สถานีวิทยุเวียดนามในกรุงฮานอย”

      ปี 1957 เพลง“Dòng sông “ หรือแปลว่า สายน้ำของนักดนตรีเจิ่นเวียดบิ๋งได้ถูกเผยแพร่ผ่านทางสถานีวิทยุเวียดนามเป็นครั้งแรก โดยเป็นที่ชื่นชอบของผู้ฟังจำนวนมาก ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวถือเป็นนิมิตหมายและเป็นพลังขับเคลื่อนให้นักดนตรี เจิ่นเวียดบิ๋ง พยายามแต่งเพลงมากขึ้น  โดยเขาเป็นผู้แต่งทำนองให้แก่เพลง "Hạt gạo làng ta" หรือแปลว่า เมล็ดข้าวของบ้านเราที่คุ้นเคยกับผู้ฟังหลายรุ่น เมื่อปี 1974 นักดนตรีเจิ่นเวียดบิ๋งได้เข้าเป็นสมาชิกของสมาคมนักดนตรีเวียดนามและปี 2017 ได้รับรางวัลจากรัฐในด้านวรรณศิลป์.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด