(VOVworld)-ในจำนวนเครื่องดนตรีสายเดียวหลายชนิดที่พบเห็นทั่วโลกนั้น พิณสายเดียวของเวียดนามที่มีชื่อว่า ด่านเบิ่ว หรือ พิณน้ำเต้า นั้นถือเป็นเครื่องดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเวียดนามเพียงประเทศเดียว แม้จะดูเรียบง่ายแต่ด่านเบิ่วกลับมีเสียงสดใสไพเราะน่าฟัง แม้ว่าจะมีเพียงสายเดียวแต่สามารถดีดบรรเลงเพลงอันไพเราะได้หลากหลาย สอดคล้องกับชีวิตจิตใจของชาวเวียดนามและยังถือเป็นพยานแห่งประวัติศาสตร์ในสายธารแห่งวัฒนธรรมพื้นเมืองเวียดนาม

ด่านเบิ่วหรือพิณสายเดียวคือเครื่องดนตรีพื้นเมืองสัญชาติเวียดนามโดยแท้และก็ถือเป็นหนึ่งในเครื่องดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ที่สุดของโลกแม้ลักษณะอาจจะมีความเรียบง่าย มีแค่เส้นไหมสายเดียว ส่วนประกอบก็ไม่ค่อยซับซ้อน แต่กลับให้เสียงที่ไพเราะจับใจทีเดียว ในสมัยโบราณ ด่านเบิ่วจะประกอบด้วยส่วนประกอบ 4 ส่วนคือกระบอกไม้ไผ่ขนาดเล็ก ลูกน้ำเต้าแห้ง แผ่นไม้ขนาดสี่เหลี่ยมและสายเอ็นหนึ่งเส้น โดยแผ่นไม้และกระบอกไม้ไผ่จะถูกยึดติดกันเป็นมุมฉาก สายเอ็นนั้นจะถูกขึงไว้กับกระบอกไม้ไผ่และยึดไว้กับปลายของแผ่นไม้ ส่วนลูกน้ำเต้าแห้งจะถูกทำให้ยึดติดกับแท่งไม้อ่อนเพื่อเป็นการสะท้อนให้เสียงก้องกังวาลขึ้น ในปัจจุบันนี้แผ่นไม้ถูกปรับเปลี่ยนให้มีความละเอียดอ่อนและสวยงามมากขึ้น เช่นส่วนที่เป็นตัวพิณจะไม่ใช้กระบอกไม้ไผ่หากแทนด้วยกล่องไม้ยาวประมาณ1เมตร อาจจะมีปลายหางที่โค้งงอ บางทียังมีการฝังมุกเคลือบน้ำยาให้ดูเป็นเงางาม ส่วนไม้ไผ่ที่ใช้ควบคุมโทนเสียงนั้นถูกแทนด้วยเขาควาย  นอกจากนี้สายของด่านเบิ่วในปัจจุบันได้มีการใช้สายกีตาร์ไฟฟ้าแทนสายเอ็นแบบดั้งเดิม สวยงาม และสามารถจับโยกเพื่อปรับความหย่อนตึงของสายได้  ศิลปินด่านเบิ่ว กิมแถ่งเผยว่า“สิ่งที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของพิณสายเดียวคือเสียงของพิณ ผู้เล่นจะใช้มือหนึ่งข้างในการดีดเพื่อสร้างเสียง อีกข้างจับแท่งไม้เป็นคันโยกเพื่อปรับความหย่อนตึงของสาย ซึ่งแตกต่างกับพิณชนิดอื่นๆที่มีสายพิณหลายสาย ฉะนั้นการเล่นด่านเบิ่วจึงถูกเล่นแบบโมโนคอร์ดหรือเล่นแบบคอร์ดเดียว”

เนื่องจากลักษณะพิเศษของพิณในการสร้างเสียงที่แตกต่างออกมาให้กลมกลืน ด่านเบิ่วจึงถือว่าเป็นเครื่องดนตรีที่มีความผูกพันกับชีวิตจิตใจของชาวเวียดนามและปรากฎอยู่ในการแสดงศิลปะทุกประเภททั้ง เพลงเสิมหรือเพลงขอทาน เพลงแจ่ว เพลงเดิ่นกาต่ายตื๋อภาคใต้ หรือปรากฎอยู่ในวงดนตรีแห่งพระราชวังเว้ หากมองเพียงผิวเผินด่านเบิ่วอาจดูเรียบง่ายเป็นเครื่องดนตรีที่มีเพียงสายเส้นเดียว แต่ที่จริงแล้วกลับถือเป็นหนึ่งในภูมิปัญญาที่ดีเลิศของชาวเวียดนาม ด้วยสาเหตุที่มีเพียงสายเดียวแต่สามารถทำเสียงได้หลายเสียง หลายตัวโน้ต ทำให้ต้องอาศัยความชำนาญของผู้เล่นในการลงน้ำหนักทั้งการดีดสาย ดึงสายและหย่อนสาย เรียกได้ว่าเป็นเครื่องดนตรีที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อนเป็นอย่างมากเพื่อที่จะได้เสียงที่ไพเราะออกมาจนสร้างความประทับใจให้แก่ชาวต่างชาติ  นอกจากได้มีการเล่นด่านเบิ่วในการแสดงศิลปะพื้นบ้านของเวียดนามแล้ว ผู้ชมยังจะได้ฟังเพลงฮิตสากลต่างๆรวมทั้งเพลงคลาสสิกที่มีชื่อเสียงจากด่านเบิ่วของเวียดนามด้วย

ทั้งนี้ถ้าหากต้องเลือกเครื่องดนตรีหนึ่งอย่างเพื่อเป็นตัวแทนให้แก่เครื่องดนตรีเวียดนามที่สามารถประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์เกี่ยวกับประเทศและคนเวียดนามได้อย่างเป็นเอกลักษณ์แล้วแน่นอนต้องเป็น ด่านเบิ่วหรือพิณสายเดียว.