ลิวกวางหวู – ซวนกวิ่ง กับผลงานที่ยิ่งใหญ่ในวงการวรรณกรรมเวียดนาม

(VOVWORLD) - เมื่อ30ปีก่อน วงการศิลปินและผู้ที่รักศิลปะทั่วประเทศ รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากต่อการจากไปโดยอุบัติเหตุของสามีภริยา ศิลปินลิวกวางหวูและกวีซวนกวิ่ง ซึ่งถือเป็นความสูญเสียของวงการวรรณกรรมและศิลปะเวียดนามโดยเฉพาะวงการละครเวทีและกวี เพราะศิลปินลิวกวางหวูและกวีซวนกวิ่งกำลังอยู่ในจุดสุดยอดแห่งสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ
ลิวกวางหวู – ซวนกวิ่ง กับผลงานที่ยิ่งใหญ่ในวงการวรรณกรรมเวียดนาม - ảnh 1 สามีภริยา ศิลปินลิวกวางหวูและกวีซวนกวิ่ง (thanhnien.vn)

กวีและนักเขียนบทละครเวทีลิวกวางหวู เกิดเมื่อปี1948 ที่ ตำบลเถี่ยวเกอ อำเภอหะหว่า จังหวัดฟู้เถาะ เป็นลูกชายของนักเขียนบทละครเวทีลึวกวางถ่วน ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่ เขตหายโจว์ นครดานัง ตอนเป็นเด็ก ครอบครัวของลิวกวางหวูอาศัยอยู่ที่จังหวัดฟู้เถาะ ถึงปี 1954 ครอบครัวของลิวกวางหวูได้ย้ายไปอยู่ที่กรุงฮานอย ซึ่งในตอนนั้น ลึวกวางหวูก็เริ่มมีความรู้สึกชอบและแสดงออกถึงความสามารถด้านศิลปะ โดยความจรงจำในช่วงเวลาที่อาศัยในหมู่บ้านชนบทในภาคเหนือของเขาได้สะท้อนออกมาอย่างเด่นชัดในผลงานต่างๆ

จากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านช่วงต่างๆของประเทศ โดยเฉพาะการสมัครเป็นทหารเพื่อเข้าร่วมการสู้รบในช่วงสงครามและการใช้ชีวิตในยุครัฐอุปถัมภ์ที่ประสบความลำบากเป็นอย่างมากทำให้ผลงานต่างๆของลิกกวางหวูไม่ว่าจะเป็นบทละครเวที เรื่องสั้นและบทกวีล้วนสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์และวิถีชีวิตในช่วงนั้น

ตอนอายุ 40ปี ลิวกวางหวูได้เขียนบทละครเวทีเกือบ 50บท และได้จัดทำเป็นละครเวทีเพื่อแสดงในโรงละครต่างๆโดยการกำกับของผู้กำกับที่มีชื่อเสียงของเวียดนาม เช่น “Hồn Trương Ba da hàng thịt” “Lời thề thứ 9” “Tin ở hoa hồng” เป็นต้น ซึ่งได้รับความนิยมและสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ชมจำนวนมากและทำให้การแสดงละครเวทีในช่วงนั้นคึกคักเป็นอย่างยิ่ง นาย เหงวียนเท้กี๊ สมาชิกคณะกรรมการกลางพรรค ประธานสถานีวิทยุเวียดนามและประธานสภาทฤษฎีและวิจารณ์วรรณกรรมและศิลปะส่วนกลางได้เผยว่า“ในตลอด 20ปีของการทุ่มเทแรงกายแรงใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะต่างๆ ลิวกวางหวูสามารถแต่งผลงานที่หลากหลายและมีคุณค่า โดยมีหลายผลงานกลายเป็นมรดกให้แก่คนรุ่นหลัง เนื่องด้วยตัวผมเองก็เป็นนักเขียนบทละครเวที กวีและผู้ปฏิบัติงานด้านทฤษฎีและวิจารณ์วรรณกรรมและศิลปะ ผมจึงเรียนรู้ได้หลายอย่างจากลิวกวางหวู และมีความเคารพนับถือต่อลิวกวางหวู”

ลิวกวางหวู – ซวนกวิ่ง กับผลงานที่ยิ่งใหญ่ในวงการวรรณกรรมเวียดนาม - ảnh 2รายการศิลปะรำลึกถึงสามีภริยา ศิลปินลิวกวางหวูและกวีซวนกวิ่ง(sggp.org.vn)

สิ่งที่น่าสนใจของบทละครเวทีของลิวกวางหวูคือการสะท้อนประสบการณ์ต่างๆ ปัญหาที่ร้อนระอุของยุคสมัย การพยากรณ์ การสนทนาและความปรารถาอันแรงกล้าเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ ซึ่งช่วยจุดประกายเปลวไฟแห่งความรักและความปรารถนาที่นำไปสู่การเปลี่ยนแนวความคิด ความพยายามฟันฝ่าอุปสรรคและความท้าทายต่างๆเพื่อการเปลี่ยนแปลงใหม่เพราะบทละครเวทีของลิวกวางหวูได้กล่าวถึงหลักการพัฒนาจากการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในชีวิตของเราผ่านการนำเสนอเรื่องราวที่โดดเด่น คล่องตัวและมีชีวิตชีวา ซึ่งมีส่วนร่วมเปลี่ยนแปลงใหม่แนวความคิดของผู้ที่ปฏิบัติงานด้านศิลปะการแสดงละครเวทีและผลักดันการเชื่อมโยงกับผู้ชมมากขึ้น นาย เหงวียนฮึวเซิน รองหัวหน้าสถาบันวรรณกรรมและบรรณาธิการใหญ่นิตยสารวิจัยวรรณกรรมได้เผยว่า“ผลงานต่างๆต้องสะท้อนสถานการณ์ที่เป็นจริงและปัญหาที่ลึกซึ้งที่ต้องได้รับการแก้ไข ดังนั้น นักเขียนบทละครเวทีต้องพยายามเอาชนะใจตนเองเพื่อแต่งผลงานที่ระบุถึงปัญหาของชีวิตจริง ผลักดันความเชื่อมโยงและดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน โดยลิวกวางหวูได้รับแรงบันดาลใจจากวรรณกรรมพื้นบ้าน ประวัติศาสตร์ การดำเนินชีวิตและปัญหาต่างๆในช่วงนั้นในการแต่งผลงาน”

ส่วนกวีซวนกวิ่งเกิดเมื่อปี 1942 ที่ หมู่บ้านลาเค ตำบลลาเค อำเภอเมืองห่าดง จังหวัดห่าเตย ซึ่งปัจจุบันคือกรุงฮานอย ผลงานที่โดดเด่นของเธอที่ต้องกล่าวถึงคือ “Tơ tằm - chồi biếc” “Gió lào, cát trắng” “Lời ru trên mặt đất” “กลอนความรักซวนกวิ่ง” เป็นต้น ซึ่งบทกวีส่วนใหญ่อุดมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่หลากหลายและซวนกวิ่งได้รับฉายาว่าเป็นกวีเอกแห่งความรักเพราะได้แต่งบทกวีที่สะท้อนดวงใจที่เปิดกว้าง ความรักต่อชีวิต ความรักของคู่หนุ่มสาว รวมทั้งการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดอื่นๆให้เป็นความรักและเชื่อมโยงกับความรัก

ทั้งนี้ กวีและนักเขียนบทละครเวทีลิวกวางหวูได้รับรางวัลโฮจิมินห์เกี่ยวกับวรรณกรรมและศิลปะย้อนหลังเมื่อปี 2000 ส่วนกวีซวนกวิ่ง ได้รับรางวัลนี้ย้อนหลังเมื่อปี 2017 ซึ่งสามีภริยา ศิลปินลิวกวางหวูและกวีซวนกวิ่ง เป็นสามีภริยาคู่เดียวของเวียดนามที่ได้รับรางวัลโฮจิมินห์

30ปีได้ผ่านพ้นไป แต่ภาพของกวีและนักเขียนบทละครเวทีลิวกวางหวูและกวีซวนกวิ่งยังคงสถิตอยู่ในใจของญาติมิตร และผู้ที่รักศิลปะเพราะพวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าและสามารถแต่งผลงานดีๆ ซึ่งถือเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนรุ่นหลัง.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด