90ปีแห่งการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามกับบทเรียนในการชี้นำการปฏิวัติเวียดนาม
Lại Hoa- Thu Hoa -  
(VOVWORLD) - ในตลอด 90 ปีนับตั้งแต่ได้รับการก่อตั้งเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ปี 1930 มาจนถึงปัจจุบัน พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้นำการปฏิวัติเวียดนามสู่ความสำเร็จครั้งแล้วครั้งเล่า จากชัยชนะที่มีความหมายทางประวัติศาสตร์และยุคสมัยต่างๆ พรรคได้สรุปบทเรียนที่มีค่าในการชี้นำการปฏิวัติเวียดนาม โดยที่น่าสนใจคือบทเรียนเกี่ยวกับการยืนหยัดเป้าหมายเอกราชของประชาชาติและสังคมนิยม ถือประชาชนเป็นรากฐาน ส่งเสริมพลังที่เข้มแข็งของกลุ่มมหาสามัคคีชนในชาติ โดยเฉพาะในปัจจุบัน บทเรียนเกี่ยวกับการให้ความสนใจต่องานด้านการสร้างสรรค์และปรับปรุงองค์กรพรรคนั้นได้มีความหมายสำคัญเป็นพิเศษ
90ปีแห่งการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม |
ในตลอด 90ปีที่ผ่านมา พรรคได้ประยุกต์ใช้บทเรียนยืนหยัดเป้าหมายเอกราชของประชาชาติและสังคมนิยมบนพื้นฐานของลัทธิมาร์ก-เลนินและแนวคิดโฮจิมินห์และถือเป็นเป้ามหมายยุทธศาสตร์ของภารกิจการปฏิวัติเวียดนาม เป้าหมายนี้ได้ถูกระบุในหลักนโยบายฉบับแรกของพรรคเมื่อปี1930 และถูกกำหนดอย่างเป็นรูปธรรมในระยะต่างๆของการปฏิวัติ อีกทั้งได้รับการพัฒนาทั้งด้านทฤษฎีและภาคปฏิบัติในหลักนโนบายฉบับต่อไปของพรรค รองศ.ดร.เหงวียนจ่องฟุก อดีตหัวหน้าสถาบันประวัติศาสตร์พรรคสังกัดสถาบันรัฐศาสตร์แห่งชาติโฮจิมินห์ได้ยืนยันว่า พรรค รัฐและประชาชนเวียดนามตระหนักได้ดีถึงเป้าหมายเอกราชของประชาชาติและสังคมนิยมและความเป็นเอกภาพของ 2 เป้าหมายยุทธศาสตร์ดังกล่าว"เป้าหมายที่พูดถึงนั่นคือการช่วงชิงเอกราชให้แก่ประชาชาติในประเทศที่ประชากรประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลักจะต้องมีที่ดินทำการผลิตให้แก่เกษตรกร นำสิทธิในการมีชีวิตและความมีประชาธิปไตยให้แก่ประชาชน มุ่งสู่การปลดปล่อยและสร้างสรรค์สังคมที่ดีงาม นั่นคือระบอบสังคมนิยม ซึ่งเป้าหมายที่ถูกต้องนี้ได้กลายเป็นคำขวัญเพื่อระดมประชาชนทุกภาคส่วนเข้าร่วมการปฏิวัติตั้งแต่ช่วงก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ซึ่งเป็นพรรคของชนชั้นกรรมกรและเป็นพรรคที่ชี้นำขบวนการรักชาติ"
บทเรียนที่ถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดที่พรรคได้สรุปและประธานโฮจิมินห์มักกล่าวถึงคือการถือประชาชนเป็นรากฐาน โดยหลังจากได้รับการก่อตั้งเมื่อปี 1930 พรรคได้ให้ความสำคัญต่อภารกิจการต่อสู้เพื่อช่วงชิงอำนาจรัฐ ชี้นำการสร้างสรรค์และเสริมสร้างพลังที่เข้มแข็งของรัฐที่เป็นของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชน หลังความสำเร็จของการปฏิวัติเดือนสิงหาคมปี 1945 พรรคและประธานโฮจิมินห์ได้ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการสร้างสรรค์และปกป้องทางการปฏิวัติใหม่ ซึ่งเป็นรัฐที่รับใช้ประชาชน ปฏิบัติเพื่อประชาชน ส่วนในภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศ พรรคได้ยืนหยัดชี้นำการสร้างสรรค์และปรับปรุงนิติรัฐสังคมนิยมของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชนให้มีความสมบูรณ์อย่างต่อเนื่อง นาย เหงวียนตุ๊ก กรรมการคณะประธานแนวร่วมปิตุภูมิเวียดนามได้ยืนยันว่า พลังที่เข้มแข็งของพรรคขึ้นอยู่กับความผูกพันธ์ใกล้ชิดกับประชาชน ปัญหาการทำงานแบบขุนนางและการทุตจริตคอร์รัปชั่น ไม่ยึดหลักผลประโยชน์ของประชาชนจะสร้างความเสียหายที่ยากจะคาดเดาได้ต่อชะตากรรมของประเทศ ของระบอบสังคมนิยมและพรรค"การวางนโนยายที่ไม่ถูกต้องจะสร้างอุปสรรคต่างๆ นี่คือบทเรียนสำหรับนักคอมมิวนิสต์และชาวเวียดนามผู้รักชาติ โดยได้รับการยืนยันในการปฏิบัติภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศ ส่วนในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 6 เกี่ยวกับภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศ ได้มีการระบุถึงบทเรียนแรกคือถือประชาชนเป็นรากฐาน ซึ่งเป็นประสบการณ์และเกียรติประวัติของคนรุ่นก่อนในการให้ความสำคัญต่อบทบาทของประชาชน"
ส่วนบทเรียนเกี่ยวกับการส่งเสริมพลังที่เข้มแข็งของกลุ่มมหาสามัคคีชนในชาติในภารกิจการต่อสู้เพื่อช่วงชิงเอกราช สร้างสรรค์สังคมนิยมและปกป้องปิตุภูมิได้รับการผลักดันในตลอดกระบวนการชี้นำการปฏิวัติเวียดนาม จากแนวทางที่ถูกต้อง พรรคได้ระดมและส่งเสริมความสามัคคีของประชาชนทั่วประเทศเพื่อเป้าหมายร่วมกันคือเอกราชของประชาชาติและสังคมนิยม โดยการผลักดันกลุ่มมหาสามัคคีชนในชาติได้ถือเป้าหมายร่วมเป็นแนวทางการปฏิบัติร่วมควบคู่กับการค้ำประกันผลประโยชน์ของชนชั้นและประชาชนทุกภาคส่วน นาย เจิ่นแทงเหมิน สมาชิกคณะเลขาธิการพรรคและประธานแนวร่วมปิตุภูมิเวียดนามได้ยืนยันว่า"แนวร่วมปิตุภูมิทุกระดับต้องยกระดับบทบาทและความรับผิดชอบต่อพรรคและประชาชนเพื่อสมกับการเป็นศูนย์รวมพลังที่เข้มแข็งของกลุ่มมหาสามัคคีชนในชาติ ระดมและส่งเสริมให้ประชาชนเป็นผู้เดินหน้า มีส่วนร่วมพัฒนาเศรษฐกิจสังคม ค้ำประกันงานด้านกลาโหม ความมั่นคงและสร้างสรรค์ทางการปกครองทุกระดับ ขยายงานด้านการตรวจสอบ สะท้อนเสียงพูดของสังคมและแสดงความคิดเห็นต่องานด้านการสร้างสรรค์องค์กรพรรคต่อทางการปกครองท้องถิ่น"
ในปัจจุบัน บทเรียนเกี่ยวกับการให้ความสนใจงานด้านการสร้างสรรค์และปรับปรุงองค์กรเพื่อให้พรรคปฏิบัติหน้าที่ต่อประวัติศาสตร์ต่อประชาชาติ ชนชั้นและประชาชนยิ่งมีความหมายเป็นพิเศษ การชี้นำและกิจกรรมต่างๆของพรรคได้รับการปฏิบัติตามหลักการณ์แห่งความมีประชาธิปไตย มีระเบียบวินัยที่เข้มงวด ทำการวิจารณ์ตนเองและวิจารณ์คนอื่นและตั้งใจแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ ซึ่งสถานการณ์ของงานด้านสร้างสรรค์และปรับปรุงองค์กรพรรคในหลายปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า ก่อนการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคสมัยที่ 13 พรรคได้ชี้นำหลายครั้งให้ทำการตรวจสอบ คัดครองอย่างเคร่งครัดเพื่อไม่ปล่อยให้ผู้ที่ขาดคุณสมบัติ มีความเสื่อมถอยของแนวความคิดด้านการเมือง คุณธรรม การดำเนินชีวิต มีพฤติกรรมทุจริตคอรัปชั่นและความผันแปรภายในพรรค ใช้ระบบเส้นสายและมีผลประโยชน์แอบแฝงของกลุ่มมีโอกาสเข้าเป็นสมาชิกคณะกรรมการกลางพรรค
90ปีถือเป็นช่วงเวลาที่ยาวพอเพื่อทดสอบความถูกต้องของเส้นทางที่เวียดนามปฏิบัติคือการยืนหยัดเป้าหมายเอกราชของประชาชาติและสังคมนิยม พร้อมทั้งได้เป็นการยืนยันบทเรียนเกี่ยวกับกลุ่มมหาสามัคคีชนในชาติและถือประชาชนเป็นรากฐานนั้นยังทรงคุณค่าจนถึงปัจจุบัน จากบทเรียนต่างๆในการชี้นำการปฏิวัติเวียดนามของพรรคในตลอด 90ปีที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่า การดูแลให้ความสนใจงานด้านการสร้างสรรค์และปรับปรุงองค์กรพรรคคือหน้าที่สำคัญยิ่งเพื่อให้พรรคสามารถปฏิบัติหน้าที่ที่ประชาชาติได้มอบหมายอย่างลุล่วงไปด้วยดี การชี้นำที่ถูกต้องของพรรคคือปัจจัยชี้ขาดที่นำไปสู่ความสำเร็จของการปฏิวัติเวียดนาม.
Lại Hoa- Thu Hoa