กฎหมายความเลื่อมใสและศาสนา หัวเลี้ยวหัวต่อของนโยบายด้านความเลื่อมไสและศาสนาในเวียดนาม

(VOVworld) – กลุ่มผู้นับถือศาสนาได้ชื่นชมรัฐสภาเวียดนามที่ทำการหารือและกำหนดกรอบเวลาเพื่ออนุมัติร่างกฎหมายความเลื่อมใสและศาสนาในการประชุมครั้งที่ 2 รัฐสภาเวียดนามสัมยที่ 14 โดยถือว่า การร่างและประกาศกฎหมายฉบับนี้ในขณะนี้เป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะเป็นการปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพด้านความเลื่อมใสและศาสนาของรัฐธรรมนูญปี 2013 เพื่อมีส่วนร่วมค้ำประกันสิทธิเสรีภาพในด้านนี้ให้แก่ประชาชนทุกคน โดยเฉพาะผู้นับถือศาสนา

(VOVworld) – กลุ่มผู้นับถือศาสนาได้ชื่นชมรัฐสภาเวียดนามที่ทำการหารือและกำหนดกรอบเวลาเพื่ออนุมัติร่างกฎหมายความเลื่อมใสและศาสนาในการประชุมครั้งที่ 2 รัฐสภาเวียดนามสัมยที่ 14 โดยถือว่า การร่างและประกาศกฎหมายฉบับนี้ในขณะนี้เป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะเป็นการปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพด้านความเลื่อมใสและศาสนาของรัฐธรรมนูญปี 2013 เพื่อมีส่วนร่วมค้ำประกันสิทธิเสรีภาพในด้านนี้ให้แก่ประชาชนทุกคน โดยเฉพาะผู้นับถือศาสนา

กฎหมายความเลื่อมใสและศาสนา หัวเลี้ยวหัวต่อของนโยบายด้านความเลื่อมไสและศาสนาในเวียดนาม - ảnh 1
การประชุมของรัฐสภาเวียดนาม

เวียดนามเป็นประเทศที่มีกลุ่มชาติพันธุ์ ศาสนาและความเลื่อมใสที่หลากหลาย พรรคและรัฐเวียดนามต่างยืนยันอยู่เสมอถึงแนวทางและนโยบายที่เสมอต้นเสมอปลายคือให้ความเคารพต่อสิทธิเสรีภาพในด้านความเลื่อมใสของประชาชน ทุกศาสนามีความสามัคคีและเดินพร้อมกับประชาชาติ ปฏิบัติเพื่อชีวิตที่ดีทั้งทางโลกและทางธรรม ซึ่งกฎหมายความเลื่อมใสและศาสนาได้ถูกจัดทำขึ้นบนพื้นฐานของนโยบายที่เสมอต้นเสมอปลายดังกล่าวและมีการเสริมเพิ่มเติมเนื้อหาให้สอดคล้องกับการประกอบศาสนกิจในปัจจุบัน
ให้ความเคารพต่อความเลื่อมใสและการนับถือสาสนา
ร่างกฎหมายความเลื่อมใสและศาสนาที่ยื่นเสนอให้รัฐสภาอนุมัติในการประชุมครั้งนี้มี 9 บรรพ 68 มาตรา ซึ่งมีความก้าวหน้ามากกว่ากฤษฎีกาเกี่ยวกับความเลื่อมใสและศาสนา โดยเฉพาะเนื้อหาของมาตราที่ 6 ได้สะท้อนสิทธิเสรีภาพด้านความเลื่อมใสของพลเมืองทุกคน ไม่ว่าจะนับถือหรือไม่นับถือศาสนาก็ตาม นักบวช เฉิ่นวันฮวิง หัวหน้าคณะกรรมการประจำศาสนากาวด่ายแบกอี ซึ่งเป็นผู้แทนรัฐสภาจังหวัดเกียนยางได้ให้ข้อสังเกตว่า “นอกจากการขยายขอบเขตและบุคคลที่ได้รับสิทธิเสรีภาพด้านความเลื่อมใสและศาสนาที่สะท้อนเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญปี 2013แล้ว ร่างกฎหมายนี้ได้เพิ่มบรรพใหม่ คือบรรพที่ 2 เกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพด้านความเลื่อมใสและศาสนา ซึ่งสะท้อนแนวทางที่เสมอต้นเสมอปลายของพรรคและรัฐเวียดนามคือให้ความเคารพต่อสิทธิเสรีภาพในด้านนี้ของประชาชนทุกคนและองค์กรศาสนาทุกองค์กร”
สำหรับเงื่อนไขการประกอบศาสนกิจ พระมหาเถระทิ๊กแทงเกวี๊ยด รองประธานสภาสังฆนายกแห่งพุทธสมาคมเวียดนาม ซึ่งเป็นผู้แทนรัฐสภาจังหวัดกว๋างนิงได้เผยว่า ร่างกฎหมายได้ใช้รูปแบบใหม่คือการขึ้นทะเบียนหรือแจ้งประกาศ พร้อมทั้งระบุอย่างชัดเจนเกี่ยวกับความรับผิดชอบของรัฐต่อการประกอบศาสนกิจ ซึ่งช่วยให้องค์กรศาสนาต่างๆสามารถผสมผสานเข้ากับกระแสโลกได้อย่างสะดวกมากขึ้น เพื่อสร้างความปลื้มปิติและความไว้วางใจในหมู่ประชาชนที่นับถือศาสนาต่อรัฐและร่วมมือกับรัฐแก้ไขปัญหาต่างๆในสังคม พระมหาเถระทิ๊กแทงกวี๊ยดเผยว่า “ กฎหมายฉบับนี้ได้ขยายความหมายของกฤษฎีกาโดยให้ความสำคัญต่อลักษณะด้านนิตินัยของการประกอบศาสนกิจ เช่น เงื่อนไขการจดทะเบียนประกอบศาสนกิจตามรูปแบบการชุมนุม การมอบใบรับรองการประกอบศาสนกิจ โดยเฉพาะเงื่อนไขการรับรอง การแยกตัวและการผนวกองค์การศาสนาต่างๆก็ง่ายขึ้น”
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่สิทธิเสรีภาพด้านศาสนาและความเลื่อมใสของชาวต่างชาติที่อาศัยในเวียดนามตามกฎหมายได้รับการรับรองอย่างสมบูรณ์มากขึ้น โดยสามารถประกอบศาสนกิจได้เช่นเดียวกับพลเมืองเวียดนาม เช่น สามารถเรียนในโรงเรียนศาสนาของเวียดนาม ได้รับการแต่งตั้งและเสนอชื่อลงสมัครตำแหน่งทางศาสนา บาทหลวงเหงียนวันเหรียน หัวหน้าชุมชนชาวคริสตร์ คริสตจักรฟู้เกื่อง ผู้แทนรัฐสภาจังหวัดบิ่งห์เยืองประเมินว่า “เมื่อปี 2004 เรามีแค่กฤษฎีกาความเลื่อมใสและศาสนาเท่านั้นแต่เดี๋ยวนี้เรามีกฎหมายความเลื่อมใสและศาสนาแล้ว นี่เป็นความก้าวหน้าที่สอดคล้องกับความปรารถนาของประชาชนและแนวโน้มของยุค ตอบสนองความต้องการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศและอำนวยความสะดวกให้องค์กรศาสนาต่างๆปฏิบัติสิทธิของตนตามกฎหมาย”

กฎหมายความเลื่อมใสและศาสนา หัวเลี้ยวหัวต่อของนโยบายด้านความเลื่อมไสและศาสนาในเวียดนาม - ảnh 2
พระมหาเถระทิ๊กแทงกวี๊ยด

มอบสิทธิ์ให้แก่องค์กรศาสนาในด้านสาธารณสุข การศึกษาและการคุ้มครองทางสังคม
สิ่งที่น่าสนใจในร่างกฎหมายฉบับนี้คือ กิจกรรมด้านสาธารณสุข การศึกษาและฝึกอบรม รวมทั้งการคุ้มครองทางสังคมได้รับการขยายตามแนวทางที่สอดคล้องกับกฤษฎีกาที่เกี่ยวข้องต่างๆ พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกให้องค์กรศาสนาเข้าร่วมอย่างกว้างลึกและปฏิบัติกิจกรรมการกุศล จากนั้น องค์กรศาสนายังสามารถแสดงความรับผิดชอบในการมีส่วนร่วมปฏิบัติเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของประเทศ บาทหลวงเหงียนวันเหรียนเผยต่อไปว่า “กฤษฎีกาปี 2004 ระบุว่า การศึกษาเพื่อการกุศลขององค์กรศาสนาเป็นกิจกรรมที่ได้รับการส่งเสริมจากรัฐแต่ในร่างกฎหมายฉบับนี้ได้กลายเป็นสิทธิไปแล้ว นี่คือการตัดสินใจที่ถูกต้อง ซึ่งเปิดโอกาสให้องค์กรศาสนาเข้าร่วมการศึกษาและสาธารณสุขเพื่อประโยชน์ของสังคม องค์กรศาสนาจะได้รับความสะดวกมากขึ้นในการขยายรูปแบบและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสาธารณสุขและการศึกษา ซึ่งช่วยลดภาระทางสังคมและผลักดันการบรรลุเป้าหมายในด้านนี้”
พระมหาเถระลี้มิงห์ดึ๊ก เจ้าอาวาสวัดซอมโรงในนครซ๊อกจัง ซึ่งเป็นผู้แทนรัฐสภาจังหวัดซ๊อกจังได้แสดงความเชื่อมั่นว่า “กฎหมายความเลื่อมใสและศาสนาจะมีส่วนร่วมให้กำลังใจผู้ที่นับถือศาสนาและผู้ที่มีสมณศักด์ให้ส่งเสริมคุณค่าที่ดีงาม จุดเด่นและความคล้ายคลึงกันระหวางศาสนากับลัทธิสังคมนิยม ส่งเสริมจิตใจแห่งความรักชาติของประชาชนที่นับถือศาสนาต่างๆ ช่วยให้พวกเขาตระหนักได้ดีและช่วยต่อต้านแผนกุศโลบายของกลุ่มที่เป็นอริที่ใส่ร้ายป้ายสีและใช้ปัญหาทางศาสนามาเป็นโล่บังหน้าเพื่อทำลายระบอบสังคมนิยม”
ถ้าหากได้รับการอนุมัติในการประชุมรัฐสภาครั้งนี้ ร่างกฎหมายความเลื่อมใสและศาสนาจะเป็นกรอบทางนิตินัยที่อำนวยความสะดวกให้แก่การประกอบศาสนกิจของพลเมืองและการมีส่วนร่วมต่อการพัฒนาประเทศขององค์การศาสนาต่างๆ.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด