(VOVworld)- การตั้งกระทู้ถามสมาชิกรัฐบาลคือส่วนหนึ่งที่สำคัญในหน้าที่การตรวจสอบสูงสุดของรัฐสภา ซึ่งใน70ปีแห่งการจัดตั้งรัฐสภาเวียดนาม กระบวนการตั้งกระทู้ถามรอบต่างๆได้สร้างนิมิตหมายแห่งประชาธิปไตยและเปลี่ยนแปลงใหม่ มีส่วนร่วมที่สำคัญต่อผลสำเร็จของรัฐสภา ช่วยส่งเสริมให้รัฐสภาปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานอำนาจรัฐสูงสุดอย่างมีประสิทธิภาพ

รัฐสภาสมัยที่1เปิดประชุมนัดแรกที่โรงละครใหญ่ฮานอย

การปฏิบัติหน้าที่ด้านนิติบัญญัติ การตัดสินใจในปัญหาสำคัญของประเทศและงานด้านการตรวจสอบสูงสุดของรัฐสภาโดยเฉพาะการตั้งกระทู้ถามคือ3หน้าที่สำคัญของรัฐสภา

การตั้งกระทู้นัดแรก : ประชาธิปไตยและตรงไปตรงมา

การตั้งกระทู้ถามนัดแรกในกรอบการประชุมครั้งที่2 รัฐสภาเวียดนามสมัยที่1 ได้มีขึ้นเมื่อวันที่31ตุลาคมปี1946 ท่ามกลางบรรยากาศแห่งประชาธิปไตยและตรงไปตรงมา โดยมีประชาชนจากทุกภาคส่วนที่ได้รับเชิญเข้าร่วมนั่งเต็มสองชั้นของโรงละครใหญ่ฮานอยเพื่อชมบรรดาผู้แทนรัฐสภาตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรีเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โดยเฉพาะรอคอยการที่ประธานโฮจิมินห์ขึ้นเวทีตอบกระทู้ถาม โดยคำถามกว่า80ข้อในการตั้งกระทู้ครั้งแรกนี้ได้ครอบคลุมในทุกด้านของชีวิตสังคมเช่นการควบคุมราคาและคุณภาพยารักษาโรค การตีพิมพ์หนังสือตำราเรียนที่ล่าช้าและไม่เพียงพอ เป็นต้นและสิ่งที่สร้างความประทับใจให้แก่ประชาชนคือการตั้งกระทู้ถามครั้งแรกนั้นได้ดำเนินไปตามแนวทาง “ต้องตอบคำถามให้หมดไม่ต้องคำนึงถึงเวลา” ดังนั้นการประชุมได้จัดยาวไปจนถึงเทียงคืนและปิดประชุมตอนตี1 นักประวัติศาสตร์เยืองจูงก๊วกได้กล่าวว่า“การตั้งกระทู้ถามครั้งแรกของรัฐสภาประเทศที่เพิ่งได้รับเอกราชนั้นได้ดำเนินไปอย่างจริงจังและมีประชาธิปไตย โดยมีทั้งผู้นำรัฐบาลคือประธานโฮจิมินห์ได้เข้าร่วมตอบกระทู้ถามด้วย  ซึ่งท่านได้แสดงความเห็นว่าที่ประชุมรัฐสภาได้ตั้งกระทู้ที่ครอบคลุมทุกปัญหาที่เกี่ยวข้องถึงอนาคตของประเทศและจากการเติบโตทั้งในด้านการเมืองและความสนใจต่อภารกิจต่างๆของประเทศใครจะบอกว่าคนเวียดนามไม่มีสิทธิ์ได้มีเอกราช”

การตั้งกระทู้ถามมีการเปลี่ยนแปลงใหม่เพื่อมุ่งสู่แนวโน้มการประชุมรัฐสภาที่ทันสมัย

นับตั้งแต่การตั้งกระทู้ถามครั้งแรกนั้น กิจกรรมนี้ก็ถูกทิ้งช่วงมาสักระยะหนึ่งเนื่องจากหลายปัญหารวมทั้งภาวะสงครามและเริ่มกลับมาดำเนินการอีกครั้งในรัฐสภาสมัยที่8เมื่อปี1987-1992  ถึงการประชุมรัฐสภาสมัยที่9เมื่อกลางปี1994 การตั้งกระทู้ถามได้รับการถ่ายทอดสดครั้งแรกทั้งทางวิทยุและโทรทัศน์ อันเป็นการแสดงให้เห็นถึงก้าวกระโดดในการสร้างความโปร่งใสและเปิดเผยภารกิจของรัฐสภาและนับตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน การตั้งกระทู้ถามสมาชิกรัฐบาลได้กลายเป็นส่วนงานที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งให้ความสนใจมากที่สุด ดังนั้นเพื่อยกระดับประสิทธิภาพของกิจกรรมนี้ ตั้งแต่รัฐสภาสมัยที่12การประชุมครั้งที่4 นับเป็นครั้งแรกที่รัฐสภาได้ออกมติเกี่ยวกับการตั้งกระทู้ถามโดยระบุชัดถึงส่วนงานที่ผู้ตอบกระทู้ถามต้องปฏิบัติและต้องรายงานต่อที่ประชุมในครั้งต่อไป

บรรดาผู้แทนรัฐสภาได้ปฏิบัติสิทธิในการตั้งกระทู้ถามด้วยความปรารถนาว่าจะสามารถทำความกระจ่างแจ้งกับคำถามทุกข้อ ส่วนผู้ตอบก็มีความรับผิดชอบมากขึ้นในการยกระดับทักษะความสามารถและความรับผิดชอบต่อประชาชนและต่อรัฐสภา ดังนั้นความมีประชาธิปไตยในการตั้งกระทู้ถามต่อภารกิจของรัฐในที่ประชุมรัฐสภาได้กลายเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้ประชาชนควบคุมอำนาจรัฐผ่านผู้แทนรัฐสภาต่อผู้นำกลไกการบริหารโดยเฉพาะรัฐบาล ตามข้อมูลที่ระบุจากที่ประชุมรัฐสภาแต่ละครั้ง จำนวนคำถามที่ถูกส่งถึงรัฐสภาสมัยที่11อยู่ที่150-210ข้อ สมัยที่12-13อยู่ที่220-300ข้อ ส่วนเนื้อหานั้นส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและนโยบายสำคัญของประเทศ

เฉพาะในที่ประชุมรัฐสภาสมัยที่13 กิจกรรมการตั้งกระทู้ถามได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเข้มแข็งโดยไม่ใช่มีรัฐมนตรีเพียง4-5คนตอบกระทู้เท่านั้นหากเป็นการตั้งกระทู้ถามสมาชิกรัฐบาลทุกคนในประเด็นที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งให้ความสนใจ ผู้ตอบไม่รู้คำถามก่อนและต้องตอบให้ตรงประเด็นในที่ประชุม ซึ่งนี่คือแนวโน้มที่ทันสมัยในการดำเนินงานของรัฐสภาที่หลายประเทศกำลังปฏิบัติ อันเป็นการส่งเสริมให้การตั้งกระทู้ถามมีประสิทธิภาพและจริงจังมากขึ้น นายเหงียนแหงฟุก เลขาธิการรัฐสภาสมัยที่13กล่าวว่า“การประชุมครั้งที่10ที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นถึงข้อเปลี่ยนแปลงใหม่ในการตั้งกระทู้ถามผ่านการที่ผู้แทนรัฐสภาสามารถตั้งคำถามให้กับสมาชิกรัฐบาลทุกคน รวมทั้งคำมั่นที่ให้ไว้ต่อรัฐสภาในสมัยนี้ อันเป็นการสานต่อความสำเร็จของรัฐสภาตั้งแต่สมัยก่อนมาจนถึงปัจจุบัน”

นับตั้งแต่การตั้งกระทู้ถามนัดแรกเมื่อ70ปีก่อนมาจนถึงปัจจุบัน กิจกรรมการตั้งกระทู้ถามได้กลายเป็นจุดเด่นของรัฐสภาสมัยต่างๆ การเปลี่ยนแปลงเนื้อหาและรูปแบบกิจกรรมนี้ได้ช่วยให้การดำเนินงานของรัฐสภานับวันมีประสิทธิภาพมากขึ้นสมกับบทบาทและสถานะของสำนักงานอำนาจรัฐสูงสุดสำนักงานที่เป็นตัวแทนสูงสุดของประชาชน./.