การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ การแข่งขันที่ยังไม่สามารถหาผู้ชนะได้
Huyen-VOV5 -  
(VOVworld)- การประชันวิสัยทัศน์ครั้งที่2ระหว่างประธานาธิบดีบารักโอบามาจากพรรคเดโมแครต และนาย มิตต์ รอมนีย์ ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคริพับลิกันได้เสร็จสิ้นลงแล้วโดยเน้นเรื่องต่างๆภายในของสหรัฐ โดยปัจจุบันคะแนนนิยมของทั้งสองกำลังสูสีกันจนทำให้ยากที่จะคาดเดาได้ว่า ใครจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้
(VOVworld)- การประชันวิสัยทัศน์ครั้งที่2ระหว่างประธานาธิบดีบารักโอบามาจากพรรคเดโมแครต และนาย มิตต์ รอมนีย์ ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคริพับลิกันได้เสร็จสิ้นลงแล้วโดยเน้นเรื่องต่างๆภายในของสหรัฐ โดยปัจจุบันคะแนนนิยมของทั้งสองกำลังสูสีกันจนทำให้ยากที่จะคาดเดาได้ว่า ใครจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้
|
ดีเบตครั้งที่2นี้ถือว่าดุเดือดกว่าครั้งแรกที่มีขึ้นเมื่อวันที่4ตุลาคม(internet) |
ดีเบตครั้งที่2นี้ถือว่าดุเดือดกว่าครั้งแรกที่มีขึ้นเมื่อวันที่4ตุลาคม โดยประเด็นที่ถูกยิบยกขึ้นหารือเน้นในเรื่องเศรษฐกิจ งานทำ พลังงาน ภาษี ผู้อพยพเข้าเมือง การควบคุมอาวุธและปัญหาอื่นๆด้านการต่างประเทศ ซึ่งในครั้งนี้นายโอบามาได้เปิดเกมเป็นฝ่ายรุกเพื่อย้ำถึงผลงานที่สำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อชีวิตของชาวอเมริกันในการบริหารประเทศในรอบ4ปีที่ผ่านมา นั่นคือสามารถสร้างงานได้5.2ล้านตำแหน่ง การปรับลดภาษี การเพิ่มสวัสดิการให้แก่สตรีและด้านสาธารณสุข ส่วนนายมิตต์รอมนีย์ก็ใช้ทุกโอกาสเพื่อติติงจุดอ่อนของนายโอบามาในนโยบายภายในประเทศต่างๆเช่น หนี้สาธารณะ นโยบายพัฒนาพลังงาน ตลอดจนย้ำว่านโยบายการบริหารเศรษฐกิจที่ขาดประสิทธิภาพของทางการโอบามาจะทำให้ชาวอเมริกัน20ล้านคนตกงานหรือไม่มีงานทำพร้อมทั้งให้คำมั่นว่าตนจะสร้างตำแหน่งงานใหม่12ล้านตำแหน่งภายในเวลา4ปีข้างหน้าหากชนะการเลือกตั้ง ซึ่งนายรอมนีย์ได้แสดงความเห็นว่าทำเนียบขาวต้องมีความรับผิดชอบต่อภาวะซบเซาของเศรษฐกิจภายในประเทศและติติงรูปแบบการบริหารเศรษฐกิจของนายโอบามาที่ทำให้การขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สำหรับทางฝ่ายประธานาธิบดีโอบามาได้กล่าวหาคู่แข่งว่าทำการบิดเบือนนโยบายของรัฐบาลและยืนยันว่านโยบายต่างๆเหล่านี้มีประสิทธิผล นอกจากนี้นายโอบามายังแสดงความเห็นว่า ตัวแทนจากพรรคริพับลิกันเป็นคนที่ไม่เสมอต้นเสมอปลายในการเปลี่ยนแปลงจุดยืนด้านพลังงานที่เคยต่อต้านการทำเหมืองถ่านหินแต่ปัจจุบันกลับให้การสนับสนุน
ในด้านการต่างประเทศ สองหัวข้อสำคัญของการโต้วาทีครั้งนี้คือกรณีเอกอัครราชทูตและนักการทูต3คนของสหรัฐถูกสังหารที่ประเทศลิเบียและความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีน ซึ่งนายรอมนีย์ได้ชี้ว่าทางการของนายโอบามาไม่ให้ความสำคัญต่อการรักษาความปลอดภัยต่อบรรดานักการทูตและนโยบายสำหรับตะวันออกกลางประสบความล้มเหลวส่วนในความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีนก็ไม่มีความแข็งกร้าวเพียงพอจนปล่อยให้จีนเป็นฝ่ายจัดการเรื่องสกุลเงินส่งผลกระทบในทางลบต่อขีดความสามารถในการแข้งขันของสินค้าสหรัฐ ในทางกลับกัน นายโอบามาได้โต้ตอบด้วยการกล่าวหานายรอมนีย์ว่าไม่ให้ความสนใจต่อการสร้างงานให้แก่แรงงานสหรัฐในสมัยที่เป็นผู้อำนวยการบริษัทเอกชน Bain Capital
|
ในการโต้วาทีครั้งนี้ นายโอบามาได้แสดงบุคลิกท่าทางที่เข้มแข็งกว่าครั้งก่อนและสามารถเรียกคะแนนจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ดี(internet) |
อาจกล่าวได้ว่า ความได้เปรียบของนายมิตต์รอมนีย์เมื่อได้คะแนนนำในการโต้วาทีรอบแรกได้ทำให้การประชันวิสัยทัศน์ครั้งที่สองซึ่งมีขึ้น ณ มหาวิทยาลัยฮอฟสตรา ในเมืองเฮมป์สเต็ด รัฐนิวยอร์ก ยิ่งร้อนแรงมากขึ้น เพราะประธานาธิบดีโอบามา ต้องพยายามใช้โอกาสนี้อย่างเต็มที่เพื่อเปิดเกมรุกหนักหวังทำคะแนนคืนในสภาวการณ์ที่ผลการสำรวจประชามติล่าสุดได้ปรากฎว่า คู่แข่งของตนกำลังมีคะแนนนำ และแล้วการดีเบตก็เป็นไปอย่างคึกคักและดุเดือดในตลอด90นาทีตามที่ประชามติได้คาดการณ์ไว้ ซึ่งตามการประเมินของนักวิเคราะห์ ในการโต้วาทีครั้งนี้ นายโอบามาได้แสดงบุคลิกท่าทางที่เข้มแข็งกว่าครั้งก่อนและสามารถเรียกคะแนนจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ดี โดยผลการสำรวจหลังดีเบตครั้งที่2ปรากฎว่า นาย โอบามา สามารถพลิกสถานการณ์และชนะด้วยเสียงสนับสนุนร้อยละ46 เมื่อเทียบกับเสียงสนับสนุนร้อยละ 39 ของนายรอมนีย์ นอกจากนั้นผู้มีสิทธิเลือกตั้งร้อยละ73ได้ชื่นชมว่านายโอบามาได้แสดงท่าทีดีกว่าที่พวกเขาได้คาดหวังขณะที่ความเห็นเช่นเดียวกันต่อนายรอมนีย์ได้แค่ร้อยละ37 แต่อย่างไรก็ดี ตามผลสำรวจของรอยเตอร์/อิปซอสต่อชาวอเมริกัน1700คนนั้น ความเห็นส่วนใหญ่ได้สนับสนุนนาย รอมนีย์ มากกว่านาย โอบามา ในบางปัญหาที่สำคัญเช่น แผนการปรับลดอันตรางบประมาณขาดดุลและปัญหาด้านการต่างประเทศที่ถือว่าเป็นจุดแข็งของนายโอบามา ซึ่งจากผลการสำรวจของรอยเตอร์/อิปซอสนั้น ปัจจุบันนายรอมนีย์กำลังลดช่องว่างกับนายโอบามาในเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่านเมื่ออัตราเสียงสนับสนุนให้แก่ผู้ลงสมัครทั้งสองได้ห่างกันเพียงร้อยละ1เท่านั้นเมื่อเทียบกับร้อยละ9ในสองสัปดาห์ก่อน ในประเด็นการต่อต้านการก่อการร้ายช่องว่างระหว่างนายโอบามาและนายมิตต์รอมนีย์ได้ลดลงจากร้อยละ11เหลือร้อยละ3 แต่ถึงกระนั้น ตัวเลขการสำรวจล่าสุดของรอยเตอร์/อิปซอสก็ยังแสดงให้เห็นว่า นายโอบามามีคะแนนนำนายรอมนีย์ในด้านภาษีและนโยบายสวัสดิการสังคมร้อยละ41.5ต่อ39.1 และร้อยละ40.9ต่อร้อยละ37ตามลำดับ
ตามกำหนดการ การโต้วาทีนัดสุดท้ายจะมีขึ้นในวันจันทร์ที่22ตุลาคมตามเวลาสหรัฐที่รัฐฟลอริดา โดยจะมุ่งเน้นประเด็นนโยบายต่างประเทศ ซึ่งนับเป็นโอกาสสุดท้ายของผู้ลงสมัครทั้งสองคนในการเรียกคะแนนสนับสนุนจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งสหรัฐ โดยเฉพาะจากผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกไครมาเป็นผู้นำคนใหม่ ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์ได้แสดงความเห็นว่า ถึงแม้จะได้รับแรงกดดันร่วมกันแต่สำหรับความกดดันของแต่ละคนในการดีเบตแต่ละครั้งจะมีความแตกต่างกัน และปกติแล้วจำนวนผู้ที่ติดตามการโต้วาทีจะลดลงในครั้งต่อไป ซึ่งก็หมายความว่า ยากที่จะคาดเดาผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะมีขึ้นในวันที่6พฤศจิกายนนี้./.
Huyen-VOV5