การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเข้มข้นมากขึ้น
Châu Anh; Huyền -  
(VOVWORLD) - การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กำลังเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประเทศสหรัฐ โดยเมื่อเดือนกรกฎาคม ประเทศสหรัฐได้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1.8 ล้านรายและมีผู้เสียชีวิต 25,000 ราย ในขณะที่เหลือเวลาไม่ถึง 100 วันก็จะถึงวันจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ แต่โรคโควิด-19 กำลังเป็นหนึ่งในปัจจัยที่อาจทำให้การเลือกตั้ง 2020 กลายเป็นการเลือกตั้งที่ยากจะคาดเดาได้ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ
ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์และคู่แข่ง โจว์ไบเดน (USAToday) |
ก่อนเกิดการแพร่ระบาดในสหรัฐไม่กี่เดือน ดูเหมือนว่า ทั้งประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์และคู่แข่งคือนาย โจ ไบเดน ไม่คาดคิดว่า โรคโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อการชิงตำแหน่งเจ้าของทำเนียบขาว
วิธีแก้ไขวิกฤต
ประวัติศาสตร์การเลือกตั้งสหรัฐแสดงให้เห็นว่า เมื่อประเทศตกเข้าสู่วิกฤตครั้งใหญ่ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมักจะเลือกผู้ลงสมัครที่มีความมั่นคง มีประสบการณ์และน่าไว้วางใจเพื่อบริหารประเทศ
เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2ช่วง80ปีก่อน ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งสหรัฐได้ให้ความไว้วางใจให้ตัวแทนจากพรรคเดโมแครตคือ แฟรงกลิน เดลาโน โรสเวลต์ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีถึง 3 สมัย ซึ่งเป็นประธานาธิบดีเพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์สหรัฐเท่านั้นที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดโดยได้รับการยกเว้นจากข้อกำหนดที่ห้ามประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งเกินสองวาระ ใน 40ปีต่อมา เนื่องจากประสบความล้มเหลวในการแก้ไขวิกฤตตัวประกันในอิหร่านและปัญหาสงครามเย็นกับสหภาพโซเวียดที่ยืดเยื้อ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งสหรัฐได้เทคะแนนให้แก่ผู้ลงสมัครจากพรรครีพับลิกัน โรนัลด์ เรแกน ให้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี แทนประธานาธิบดี จิมมี คาร์เตอร์ ของพรรคเดโมแครตที่ดำรงตำแหน่ง ณ ตอนนั้น
ขณะนี้เมื่อพูดถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศสหรัฐปัจจุบัน สิ่งเดียวที่ต้องจับตาคือต้องหาทางแก้ไขวิกฤตโควิด-19 อย่างเหมาะสมที่สุด และใครจะเป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งสหรัฐในตอนนี้ ซึ่งผู้สังเกตการณ์หลายคนแสดงความเห็นว่า จะไม่มีการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งใดๆที่จะสามารถช่วยได้ถ้าหากนาย โดนัลด์ ทรัมป์ คงถูกประชาชนมองว่า เป็นประธานาธิบดีที่ประสบความล้มเหลวในการต่อสู้กับโรคโควิด-19
ขณะนี้ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเผชิญกับความท้าทายที่ไม่เคยเผชิญมาก่อนในตลอดเวลา 4 ปีที่เล่นการเมือง ซึ่งในขณะที่เขากำลังเดินหน้าการปฏิบัติแนวทาง “America first” หรือประเทศสหรัฐต้องมาก่อน ซึ่งได้รับความไว้วางใจไม่น้อยจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กลับได้ทำลายผลสำเร็จด้านเศรษฐกิจเกือบทั้งหมดที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้สร้างไว้และถือเป็นปัจจัยชี้ขาดต่อการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งปัญหาการระบาดของโควิด-19 ไม่เพียงแต่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐซบเซา โดยเฉพาะสถานการณ์คนว่างงานที่นับวันเลวร้ายลงเท่านั้น หากยังทำให้ปัญหาของคนผิวสีในสหรัฐที่สั่งสมมายาวนานมีความรุนแรงมากขึ้นอีกด้วย โดยแนวโน้มหลักในการเลือกตั้งสหรัฐในปี 2020 ได้เปลี่ยนแปลงไป คนผิวขาวที่เคยลงคะแนนสนับสนุนนาย โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อ 4 ปีก่อนได้แสดงความผิดหวังต่อความสามารถในการแก้ไขวิกฤตของทางการสหรัฐชุดปัจจุบัน และอาจตัดสินใจไม่ไปลงคะแนนหรือจะลงคะแนนสนับสนุนคู่แข่งคือนาย โจ ไบเดน แทน
การชิงตำแหน่งประธานาธิบดียากที่จะคาดเดาได้
แต่สิ่งที่สำคัญกว่าในปัจจุบันคือ นาย โจ ไบเดน คู่แข่งของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ใช่เป็นผู้ที่สร้างความแตกแยกหรือถูกสื่อตำหนิมากเหมือนนาง ฮิลลารี คลินตัน เมื่อปี 2016 และที่น่าสนใจคือสถานการณ์การแพร่ระบาดในปัจจุบันได้ช่วยให้นาย โจ ไบเดน ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งหลายกลุ่ม เช่นกลุ่มผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งวัย 65 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะยังมีคะแนนนำในรัฐที่ถือว่ามีความชี้ขาดต่อผลการเลือกตั้งคือรัฐฟลอริดา แต่ในทางกลับกันนาย โจ ไบเดน ก็ต้องแก้ไขจุดอ่อนของตนอย่างเด็ดขาด อย่างคือการเลือกผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีหรือการเรียกเสียงสนับสนุนจากคนผิวขาวเมื่อแสดงการสนับสนุนคนผิวสี
ผลการสำรวจประชามติเมื่อเร็วๆนี้แสดงให้เห็นว่า นาย โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเสียคะแนนในรัฐสำคัญๆซึ่งเป็นรัฐที่มีผลต่อการที่จะได้ดำรงตำแหน่งเจ้าของทำเนียบขาวอีกสมัย ซึ่งถ้านับคะแนนเฉลี่ยจากการสำรวจความเห็นประชามติครั้งต่างเมื่อเร็วๆนี้ นาย โจ ไบเดน กำลังมีคะแนนนำ นาย ทรัมป์ เกือบร้อยละ 8.7 แม้ผลการลงประชามติจะไม่เป็นการชี้ชัดถึงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ แต่หลายคนแสดงความเห็นว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงมีโอกาสที่จะพลิกสถานการณ์เหมือนที่เคยทำเมื่อ 4 ปีก่อน แต่ทั้งนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนเป็นเพียงการคาดเดา เพราะตัวแปรสำคัญในปัจจุบันคือการต่อสู้โควิด-19 ในสหรัฐที่ยังไม่มีทีท่าจะสิ้นสุดลง และเรื่องนี้จะส่งผลให้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2020เป็นศึกชิงตำแหน่งที่เข้มข้นมากขึ้น.
Châu Anh; Huyền