ความไร้เสถียรภาพทางการเมืองทำให้บังกลาเทศต้องเผชิญกับอนาคตไร้เสถียรภาพ
Quang Dung- VOV5 -  
(VOVWORLD) -เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม นาง เชค ฮาซีนา นายกรัฐมนตรีบังกลาเทศได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งและเดินทางออกจากประเทศเนื่องจากแรงกดดันจากการชุมนุนมประท้วงที่รุนแรงในหลายวันที่ผ่านมา ซึ่งทำให้บังกลาเทศต้องเผชิญกับอนาคตที่ไร้เสถียรภาพทั้งด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ
กลุ่มผู้ชุมนุมเรีกยร้องให้นายกรัฐมนตรี เชค ฮาซีนา ลาออกจากตำแหน่ง (Photo: AP) |
การชุมนุมประท้วงเกิดขึ้นในประเทศบังกลาเทศเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมหลังจากที่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี เชค ฮาซีนา ประกาศนโยบายเกี่ยวกับโควตาตำแหน่งข้าราชการ ซึ่งการชุมนุมต่างๆได้บานปลายเป็นการใช้ความรุงแรง ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 300 คนในรอบ 1 เดือนและบังคับให้นายกรัฐมนตรีเชค ฮาซีนา ต้องลาออกจากตำแหน่งและเดินทางออกนอกประเทศ
นโยบายที่สร้างความถกเถียง
ตามนโยบายเกี่ยวกับโควตาข้าราชการที่ประกาศเมื่อปลายเดือนมิถุนายน รัฐบาลบังกลาเทศได้กันตำแหน่งข้าราชการมากถึงร้อยละ 30 ให้แก่บุตรหลานของผู้ที่เคยเข้าร่วมสงครามเรียกร้องเอกราชจากปากีสถานในปี 1971 นาย Rashed Al Mahmud Titumir ศาสตราจารย์ที่วิจัยการพัฒนาของมหาวิทยาลัยธากาของบังกลาเทศเห็นว่า นโยบายดังกล่าวได้รับการประกาศในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมในขณะที่อัตราคนว่างงานในบังกลาเทศเพิ่มสูงขึ้น โดยประชาชนบังกลาเทศที่มีอายุ 15 -24 ปีเกือบร้อยละ 20 ไม่มีงานทำหรือไม่ได้ไปโรงเรียน นอกจากนี้ แต่ละปี บังกลาเทศมีแรงงานใหม่เกือบ 2 ล้านคนและเมื่อปีที่แล้ว อัตราผู้ที่ได้รับราชการ คิดเป็น 1 ใน 100 ในขณะที่มีแรงงาน 3 แสน 4 หมื่น 6 พันคนสมัครเป็นข้าราชการซึ่งเปิดรับเพียง 3 พัน 3 ร้อยตำแหน่ง ดังนั้น นโยบายเกี่ยวกับโควตาตำแหน่งข้าราชการได้สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ครั้งใหญ่ในสังคมบังกลาเทศและถูกกลุ่มนักศึกษาและเยาวชนคัดค้านเนื่องจากเห็นว่า ไม่ยุติธรรมและเป็นการเลือกปฏิบัติ
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ศาลสูงสุดของบังกลาเทศได้ออกคำวินิจฉัยเกี่ยวกับการปรับปรุงนโยบายนี้ โดยลดโควตาสำหรับบุตรหลานของผู้ที่เข้าร่วมสงครามเรียกร้องเอกราชจากปากีสถาน จากร้อยละ 30 ลงเหลือร้อยละ 5 นอกจากนี้ ตำแหน่งร้อยละ 93 ต้องได้รับการประเมินบนพื้นฐานของทักษะความสามารถแทนการตรวจสอบประวัติและร้อยละ 2 ที่เหลือสำหรับคนพิการ คนที่เป็นชนกลุ่มน้อยและคนข้ามเพศ ถึงแม้ศาลสูงสุดบังกลาเทศได้ออกคำวินิจฉัยแต่การชุมนุมต่างๆของนักศึกษายังไม่ลดลงโดยกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี เชค ฮาซีนา ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งการชุมนุมได้บานปลายเป็นการใช้ความรุนแรงระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงกับกลุ่มสนับสนุนนายกรัฐมนตรี เชค ฮาซีนา และกองกำลังรักษาความมั่นคง และสถานการณ์ก็ทวีความตึงเครียดไปถึงจุดสูงสุดเมื่อมีผู้เสียชีวิต 94 คน ซึ่งในนั้น มีตำรวจ 14 นายจากการใช้ความรุนแรงในวันที่ 4 สิงหาคม ซึ่งกดดันให้นายกรัฐมนตรี เชค ฮาซีนา ต้องประกาศลาออกจากตำแหน่งภายหลังครองอำนาจกว่า 15 ปีและเดินทางออกนอกประเทศ
เพื่อธำรงรัฐธรรมนูญและยุติการใช้ความรุนแรง นายพล วาเกอร์-อุซ-ซามัน ผู้บัญชาการกองทัพบังกลาเทศได้ประกาศว่า กองทัพจะขึ้นบริหารประเทศจนกว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลรักษาการ ในบทปราศรัยเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม นายพล วาเกอร์-อุซ-ซามัน เผยว่า ได้หารือกับพรรคต่างๆของบังกลาเทศเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลรักษาการ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประชาชนบังกลาเทศมีความเชื่อมั่นต่อกองทัพเพื่อฟื้นฟูความเป็นระเบียบเรียบร้อยของประเทศ
นาย Nahid Islam ผู้ประสานงานของขบวนการนักศึกษาต่อต้านการเลือกปฏิบัติ (Photo: AFP) |
อนาคตที่ไร้เสถียรภาพ
เพื่อนำประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว กองทัพบังกลาเทศได้ยกเลิกคำสั่งเคอฟิวร์ในวัน 6 สิงหาคม ที่ประกาศใช้มาตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคมเพื่อป้องกันการชุมนุมไ สำนักงาน โรงงานและโรงเรียนกลับมาดำเนินการตามปกติ แต่อย่างไรก็ดี บรรดาผู้สังเกตการณ์เห็นว่า การจัดตั้งรัฐบาลรักษาการเพื่อฟื้นฟูเสถียรภาพของประเทศและกระบวนการถ่ายโอนอำนาจอย่างมีประชาธิปไตยผ่านการเลือกตั้งเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ต่อบังกลาเทศในสภาวการณ์ที่สถานการณ์การเมืองมีความไร้เสถียรภาพในปัจจุบัน ปัจจุบัน กองทัพบังกลาเทศยังไม่มีการประกาศเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งผู้นำรัฐบาลรักษาการ ส่วนกองกำลังนักศึกษา ซึ่งเป็นฝ่ายจัดการชุมนุมต่างๆ ได้ประกาศว่า อยากมีบทบาทที่สำคัญในรัฐบาลชุดใหม่ นาย Nahid Islam ผู้ประสานงานของขบวนการนักศึกษาต่อต้านการเลือกปฏิบัติได้ประกาศว่า
“พวกเราจะเสนอข้อเสนอต่างๆเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลรักษาการ นักศึกษาและผู้จัดการชุมนุมต่างๆ ตัวแทนพลเรือนและองค์การต่างๆ จะมีบทบาทในรัฐบาลรักษาการ พวกเราจะเสนองานด้านบุคลากรและแนวทางการปฏิบัติของรัฐบาลรักษาการ”
ความไร้เสถียรภาพทางการเมืองในบังกลาเทศกำลังสร้างความวิตกกังวลให้แก่ประชาคมโลก โดยในประกาศวันที่ 6 สิงหาคม ธนาคารโลกหรือWB เผยว่า จะประเมินผลกระทบจากสถานการณ์ความไร้เสถียรภาพในบังกลาเทศต่อโครงการปล่อยเงินกู้ของ WB ในประเทศนี้ เนื่องจากเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา WB ได้อนุมัติวงเงินกู้งวดใหม่มูลค่า 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อช่วยให้บังกลาเทศเพิ่มทักษะความสามารถในการจัดทำนโยบายด้านภาษีและการเงิน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และนับรวมในปีงบประมาณ 2024 ที่เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน WB ได้ปล่อยเงินกู้จำนวน 2.85 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่บังกลาเทศ การที่ WB และสถาบันการเงินระหว่างประเทศต่างๆปรับปรุงนโยบายอาจส่งผลกระทบต่อศักยภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจของบังกลาเทศแม้เมื่อต้นปีนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศและธนาคารพัฒนาเอเชียต่างพยากรณ์ว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของบังกลาเทศอาจอยู่ที่ร้อยละ 6.1 ในปี 2024 และร้อยละ 6.5 ในปี 2025
ความไร้เสถียรภาพในประเทศบังกลาเทศยังได้เพิ่มความตึงเครียดด้านความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียใต้ โดยปัจจุบัน อินเดียได้ระดมทหารในเขตชายแดนที่ติดกับบังกลาเทศและตั้งอยู่ในภาวะพร้อมรบ ส่วนสหประชาชาติ สหภาพยุโรป สหรัฐและประเทศอื่นๆได้แสดงความวิตกกังวลและจับจาต่อสถานการณ์ในบังกลาเทศอย่างต่อเนื่อง.
Quang Dung- VOV5