รองนายกรัฐมนตรี เจิ่นลิวกวางได้เข้าร่วมการประชุม (VNA)

มติว่าด้วยการรำลึกครบรอบ 75 ปี ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน หรือ UDHR และครบรอบ 30ปี ปฏิญญาเวียนนาและแผนปฏิบัติการหรือVDPA เป็นความคิดริเริ่มของเวียดนาม โดยรองนายกรัฐมนตรี เจิ่นลิวกวางได้เสนอในการประชุมนัดแรกของสภาสิทธิมนุษยชนสมัยที่ 52 ณ เมืองเจนีวา เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งมติดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อยืนยันและขยายความพยายามและการปฎิบัติเพื่อมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายด้วยคุณค่าที่ยิ่งใหญ่และครอบคลุมของเอกสารที่สำคัญ 2 ฉบับดังกล่าว รวมถึง คำมั่นของประชาคมระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนสำหรับประชาชนทุ

นิมิตหมายที่สำคัญของเวียดนาม 

มติดังกล่าวเน้นถึงความสำคัญและเนื้อหาของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน หรือ UDHR และปฏิญญาเวียนนาและแผนปฏิบัติการ หรือVDPA เช่น หลักการเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน การให้ความสนใจกิจกรรมดังกล่าวของประเทศต่างๆ การยกระดับสถานะ บทบาทและประสิทธิภาพของกิจกรรมต่างๆของสภาสิทธิมนุษยชนและกลไกด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ บทบาทที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆของประเทศต่างๆในการค้ำประกันสิทธิมนุษยชน รับทราบการเข้าร่วมของสตรี บทบาทของความร่วมมือและความสามัคคีระหว่างประเทศ การให้ความเคารพความหลากหลาย ความครอบคลุมในการส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชนและการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆของสภาฯ ตลอดจนเสนอให้ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติปฎิบัติแผนจัดกิจกรรมรำลึก UDHR และVDPA รวมถึงการประชุมระดับสูงของสหประชาชาติเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในเดือนธันวาคมนี้ รายงานเกี่ยวกับกิจกรรมรำลึกให้แก่การประชุมสภาสิทธิมนุษยชนสมัยที่ 56 ในต้นปีหน้า นาย บุ่ยแทงเซิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามได้ย้ำว่า มติดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมอย่างจริงจังและความรับผิดชอบของเวียดนามต่อกิจกรรมของสภาสิทธิมนุษยชน          

“อาจกล่าวได้ว่า นี่คือนิมิตหมายที่สำคัญของเวียดนามในการประชุมนัดแรกในฐานะเป็นสมาชิกสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติวาระปี 2023-2025 ซึ่งมตินี้ส่งสารที่สำคัญเกี่ยวกับความร่วมมือและความสามัคคีระหว่างประเทศ การให้ความเคารพความหลากหลายและความกลมกลืนของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและกิจกรรมต่างๆของสภาฯ ซึ่งเป็นการเสนอมติอย่างทันการณ์ สอดคล้องกับประเด็นที่ประชาคมโลกให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆและมีส่วนร่วมยกระดับจิตสำนึก ความมุ่งมั่นตั้งใจของประเทศต่างๆในการปฎิบัติเป้าหมายด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก 98 ประเทศ”

ส่วนร่วมที่มีประสิทธิภาพของเวียดนามในสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ

รัฐมนตรี บุ่ยแทงเซิน ได้เผยว่า การที่เวียดนามเสนอมติดังกล่าวในการประชุมของสภาฯ ถือเป็นสิ่งที่ทันการณ์ในสภาวการณ์ที่ฟอรั่มระหว่างประเทศต่างๆประสบปัญหาความแตกแยกและมีเป้าหมายทางการเมืองแอบแฝงอยู่และตอบสนองต่อความสนใจของประชาคมโลกเกี่ยวกับการรำลึก UDHR และVDPA แสดงให้เห็นถึงบทบาทและการเป็นสมาชิกที่เข้มแข็งในเชิงรุกและมีความรับผิดชอบของสภาฯและประชาคมระหว่างประเทศ การที่มติดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากการสนับสนุนของ 98 ประเทศแสดงให้เห็นถึงการให้ความสนใจต่อประเด็นต่าง ๆ ดึงดูดการเข้าร่วมและการสนับสนุนของประเทศต่างๆและได้รับการชื่นชมจากฝ่ายต่างๆ 

“การที่เวียดนามเสนอความคิดริเริ่มและส่งเสริมการอนุมัติมติดังกล่าวในการประชุมนัดแรกในฐานะเป็นสมาชิกสภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติวาระปี 2023-2025 เป็นผลจากความพยายามประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตัวแทนเวียดนามในต่างประเทศกับกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บทบาทและการเป็นสมาชิกที่เข้มแข็งในเชิงรุกและมีความรับผิดชอบของเวียดนาม ซึ่งมีส่วนร่วมยกระดับสถานะของเวียดนามในความร่วมมือกับประเทศต่างๆทั้งภายในและนอกสภาฯในวาระปี 2023-2025 และสอดคล้องกับแนวทางของเวียดนามในการเป็นสมาชิกของสภาฯคือ “เคารพและเข้าใจ สนทนาและร่วมมือ สิทธิมนุษยชนคือสิทธิ์ของประชาชนทุกคน”

การที่สภาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติอนุมัติมติรำลึกครบรอบ 75ปีปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน หรือ UDHR และครบรอบ 30ปีปฏิญญาเวียนนาและแผนปฏิบัติการ หรือVDPA จะมีส่วนร่วมยกระดับจิตสำนึก ความมุ่งมั่นตั้งใจและการปฎิบัติของประเทศสมาชิกและประชาคมระหว่างประเทศในการปฎิบัติเป้าหมายด้านสิทธิมนุษยชนตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน หรือ UDHR ปฏิญญาเวียนนาและแผนปฏิบัติการ หรือVDPA ซึ่งนี่ก็เป็นส่วนร่วมที่จริงจังและมีความรับผิดชอบของเวียดนามต่อภารกิจของสภาสิทธิมนุษยชนในวาระที่ 2 นี้ การที่เวียดนามเสนอ จัดทำและส่งเสริมการอนุมัติมติดังกล่าวถือเป็นก้าวเดินแรกเพื่อปฎิบัติแผนงาน “เวียดนามปฎิบัติหน้าที่สมาชิกสภาสิทธิมนุษยชนวาระปี 2023-2025อย่างมีประสิทธิภาพ” ซึ่งเวียดนามตั้งเป้าหมายว่า จะมีส่วนร่วมที่เข้มแข็งต่อกิจกรรมของสภาฯ รวมถึงการบริหารและการประสานงาน การเป็นฝ่ายรุกและเป็นผู้นำในการส่งเสริมความคิดริเริ่มเพื่อสร้างนิมิตหมายและส่งเสริมผลประโยชน์ของเวียดนามอันเป็นการตอบโต้ที่เข้มแข็งต่อคารมที่บิดเบือนความจริงเกี่ยวกับปัญหาสิทธิมนุษยชนของเวียดนาม.