(VOVWORLD) - ตามคำเชิญของท่าน เหงียนฟู้จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม วันที่ 19 มิถุนายน นาย วลาดีเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียได้เริ่มการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ การเยือนครั้งนี้ประจวบกับโอกาสฉลองครบรอบ 30 ปีที่ทั้งสองประเทศลงนามสนธิสัญญามิตรภาพฉบับใหม่เมื่อวันที่ 16 มิถุนายนปี 1994 และเป็นการส่งข้อความที่เข้มแข็งเกี่ยวกับการให้ความเคารพกันระหว่างสองประเทศ อีกทั้งเป็นโอกาสเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคี
ประธานาธิบดี วลาดีเมียร์ ปูติน (AFP) |
การเยือนเวียดนามของประธานาธิบดี วลาดีเมียร์ ปูติน มีความหมายสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยทำให้ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านระหว่างเวียดนามกับรัสเซียมีความลึกซึ้งมากขึ้นและยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้พัฒนาขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ โดยเฉพาะ ในสภาวการณ์ที่ทั้งสองประเทศกำลังพยายามแปรแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ความสัมพันธ์ร่วมมือหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านจนถึงปี 2030 ให้เป็นรูปธรรม
พื้นฐานที่มั่นคงคือมิตรภาพที่ใกล้ชิดและยาวนาน
นับตั้งแต่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 30 มกราคมปี 1950 จนถึงปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหภาพโซเวียดเดิม และรัสเซียในปัจจุบันมีเสถียรภาพอยู่เสมอและนับวันมีการพัฒนาที่กว้างลึกมากขึ้นในทุกด้าน ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับระบอบการเมือง แต่ทั้งสองประเทศก็ถือกันเป็นหุ้นส่วนและเพื่อนที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆอยู่เสมอ นาย ดั่งมิงโทย เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำรัสเซียยืนยันว่า
“ในตลอด 75 ปีที่ทั้งสองประเทศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตและประธานาธิบดี วลาดีเมียร์ ปูติน ดำรงตำแหน่งผู้นำรัสเซียมานาน 25 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับรัสเซียมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก มีการพัฒนาใหม่และเข้มแข็งมากขึ้น ในขณะที่มิตรภาพอันลึกซึ้งและจริงใจระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศได้รับการธำรง ประธานาธิบดี วลาดีเมียร์ ปูติน เป็นผู้ที่รักเวียดนามมากและมีน้ำใจที่ดีต่อเวียดนาม”
เพื่อสร้างกรอบทางนิตินัยใหม่ให้แก่ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับรัสเซีย เมื่อปี 1994 ทั้งสองประเทศได้ลงนามสนธิสัญญาเกี่ยวกับหลักการขั้นพื้นฐานของสัมพันธไมตรีซึ่งยืนยันว่า สัมพันธไมตรีระหว่างทั้งสองประเทศถูกสร้างขึ้นบนหลักแห่งการให้ความเคารพเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน ไม่แทรกแซงกิจการภายในของกัน มีความเสมอภาคและเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ สนธิสัญญาฉบับนี้สร้างนิมิตหมายที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับรัสเซีย โดยยกระดับความสัมพันธ์จากความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้าน นาย เหงียนดังฟาต เลขาธิการสมาคมมิตรภาพเวียดนาม-รัสเซียแสดงความเห็นว่า
“ภายหลังการลงนามสนธิสัญญาดังกล่าว เมื่อปี 2001ในกรอบการเยือนของประธานาธิบดี ปูติน ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามข้อตกลงความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นการลงนามข้อตกลงความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ครั้งแรกของเวียดนาม หลังจากนั้น เมื่อปี 2012 ความสัมพันธ์นี้ได้รับการยกระดับเป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้าน ซึ่งต้องมีความไว้วางใจกันในระดับสูงถึงจะสามารถลงนามข้อตกลงดังกล่าวได้ จนถึงปัจจุบัน เวียดนามและรัสเซียได้ลงนามเอกสารทางนิตินัยเกือบ 80 ฉบับ ซึ่งเป็นพื้นฐานเพื่อให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศพัฒนา”
นาย ดั่งมิงโทย เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำรัสเซีย (VNA) |
ส่งเสริมความร่วมมือในสถานการณ์ใหม่
ในสภาวการณ์ใหม่ บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ทางการเมืองที่ดีงาม เวียดนามและรัสเซียเห็นพ้องที่จะให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน โดยความร่วมมือด้านพลังงานและก๊าซธรรมชาติยังคงเป็นจุดเด่นที่ต้องส่งเสริมมากขึ้น ประสานงานเพื่อใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับสหภาพเศรษฐกิจเอเชียอย่างเต็มที่ อีกทั้ง ธำรงการแลกเปลี่ยนระดับประชาชน ซึ่งถือเป็นพื้นฐานที่มั่นคงให้แก่ความสัมพันธ์ทวิภาคี เอกอัครราชทูต ดั่งมิงโทย ชี้ชัดว่า
“ถึงแม้ว่า เวียดนามและรัสเซียจะมีความแตกต่างกันมาก แต่การแลกเปลี่ยนระดับประชาชนก็มีความผูกพันที่ใกล้ชิดและความสัมพันธ์ก็อบอุ่นอย่างยิ่ง ไม่ค่อยมีความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศที่มีความสัมพันธ์ระดับประชาชนที่ใกล้ชิด ยั่งยืนและจริงใจเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับรัสเซีย อาจกล่าวได้ว่า นี่เป็นจุดเด่นที่น่าภาคภูมิใจในความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ”
ในกรอบการเยือนของประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดีเมียร์ ปูติน ผู้นำของทั้งสองประเทศหารือและกำหนดแนวทางให้แก่ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านจนถึงปี 2030 โดยระบุด้านความร่วมมือที่ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆที่ชัดเจนมากขึ้น เป้าหมายในระยะยาวและแผนปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรมจะได้รับการกำหนดเพื่อค้ำประกันการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพในอนาคต
นอกจากนี้ การเยือนครั้งนี้ยังเป็นโอกาสเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติข้อตกลงความร่วมมือฉบับต่างๆเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคี.