นิมิตหมายใหม่ในการสร้างสรรค์แนวชายแดนทางบกแห่งสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาระหว่างเวียดนามกับกัมพูชาให้เสร็จสมบูรณ์

(VOVWORLD) - เวียดนามและกัมพูชาได้ลงนามเอกสารฉบับแรกเพื่อรับรองผลการปักปันปักหลักพรมแดนทางบกอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายทางประวัติศาสตร์และเป็นพลังขับเคลื่อนให้แก่การผลักดันการปักปันปักหลักพรมแดนทางบกให้เสร็จสมบูรณ์เพื่อมีส่วนร่วมสร้างสรรค์แนวชายแดนแห่งสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาอย่างยั่งยืนระหว่าง 2 ประเทศ

 

นิมิตหมายใหม่ในการสร้างสรรค์แนวชายแดนทางบกแห่งสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาระหว่างเวียดนามกับกัมพูชาให้เสร็จสมบูรณ์ - ảnh 1ภาพพิธีลงนาม (VGP) 

เวียดนามและกัมพูชามีพรมแดนทางบกร่วมกันยาวกว่า 1,200  กิโลเมตร โดยผ่าน 10 จังหวัดของเวียดนามและ 9 จังหวัดของกัมพูชา ในตลอดเกือบ 50ปีที่ผ่านมา เวียดนามและกัมพูชาได้ทำการเจรจาและลงนามเอกสารทางกฎหมายว่าด้วยปัญหานี้หลายฉบับ

ความพยายามเพื่อสร้างสรรค์แนวชายแดนที่มีสันติภาพและเสถียรภาพ

เส้นแบ่งพรมแดนทางบกระหว่างเวียดนามกับกัมพูชาถูกกำหนดในสนธิสัญญาการปักปันและปักหลักพรมแดนแห่งชาติที่ลงนามกันเมื่อปี 1985 และสนธิสัญญาการปักปันและปักหลักพรมแดนแห่งชาติฉบับเสนิมที่ลงนามเมื่อปี 2005 ตั้งแต่ปี 2006 จากการปฏิบัติตามสนธิสัญญาดังกล่าว ทั้ง 2 ฝ่ายมีความมุ่งมั่นในการปฏิบัติงานด้านการปักปันปักหลักพรมแดนทางบก ต่อมาเมื่อปี 2013 ทั้ง 2 ฝ่ายได้เห็นพ้องที่จะเพิ่มความถี่และเสริมสร้างหลักพรมแดนทางบก ซึ่งจนถึงปลายปี 2018 ทั้ง 2 ฝ่ายได้เสร็จสิ้นการปักปันแนวพรมแดนรวมระยะทาง 1045 กิโลเมตร ก่อสร้างหลักพรมแดนกว่า 2,000 หลักใน 1500 จุด คิดเป็นร้อยละ 84 ของงานด้านการปักปันปักหลักพรมแดนระหว่าง 2 ประเทศ

ส่วนสำหรับงานด้านการปักปันปักหลักพรมแดนที่เหลือ บนเจตนารมณ์แห่งความร่วมมือที่เข้มแข็ง เวียดนามและกัมพูชาต่างมีความมุ่งมั่นที่จะเสร็จสิ้นงานด้านการปักปันปักหลักโดยเร็วเพื่อมุ่งสู่การกำหนดเส้นแบ่งพรมแดนทางทะเล โดยในการลงนามเอกสารรับรองผลการปักปันปักหลักพรมแดนทางบกระหว่างเวียดนามกับกัมพูชาเมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้ยืนยันว่า“ผู้นำสองประเทศจะชี้นำการผลักดันงานด้านการปักปันปักหลักพรมแดนทางบกให้เสร็จสิ้นโดยเร็วบนพื้นฐานของความเข้าใจ น้ำใจไมตรีและความรับผิดชอบระหว่าง 2 ประเทศ การให้ความเคารพกฎหมายสากล โดยเฉพาะอนุสัญญาระหว่างประเทศที่ทั้ง 2 ประเทศเป็นภาคี จากการที่งานด้านการปักปันปักหลักพรมแดนยังไม่เสร็จสมบูรณ์ จึงต้องส่งเสริมการบริหาร การรักษาความเป็นระเบียบและความมั่นคงในเขตชายแดนโดยอิงตามเส้นแบ่งและหลักพรมแดนที่ได้ทำการปักปันปักหลักแล้วเสร็จร้อยละ 84 และปฏิบัติตามข้อที่ 5 มาตราที่ 3 สนธิสัญญาเพิ่มเติมปี 2005 สำหรับเขตที่ทำการปักปันปักหลักพรมแดนยังไม่แล้วเสร็จ”

ผลงานที่สำคัญ

ในตลอดเกือบ 40ปีที่ผ่านมา เวียดนามและกัมพูชาได้พยายามร่วมกันแก้ไขปัญหาชายแดนและปฏิบัติงานด้านการปักปันปักหลักพรมแดนทางบกระหว่าง 2 ประเทศอย่างเข้มแข็ง ซึ่งได้สร้างผลงานที่สำคัญต่างๆ โดยการลงนามสนธิสัญญาเพิ่มเติมปี 2019 และพิธีสารว่าด้วยการปักปันปักหลักพรมแดนคือเหตุการณ์ที่สำคัญและเป็นนิมิตหมายทางประวัติศาสตร์ในกระบวนการแก้ไขปัญหาชายแดนผ่านการเจรจาในตลอด 36ปีที่ผ่านมา อีกทั้งเป็นการยืนยันถึงเป้าหมายร่วมของทั้งสองฝ่ายคือสร้างสรรค์แนวชายแดนแห่งสันติภาพ เสถียรภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานของการให้ความเคารพเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน ผลประโยชน์อันชอบธรรมของแต่ละฝ่าย ความเสมอภาคเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน มีส่วนร่วมกระชับความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนบ้านที่ดีงาม ความสามัคคีที่มีมาช้านานเพื่อผลประโยชน์และความเจริญรุ่งเรืองของประชาชนทั้งสองประเทศ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้ยืนยันว่า“พิธีลงนามเอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์ 2 ฉบับนี้แสดงให้เห็นว่า กระบวนการแก้ไขปัญหาชายแดนระหว่าง 2 ประเทศได้ประสบผลที่น่าภาคภูมิใจ ซึ่งผลสำเร็จดังกล่าวมาจากความพยายามของผู้นำรัฐบาล คณะกรรมการชายแดนผสมและทางการปกครองทุกระดับของทั้ง 2 ประเทศในตลอด 14 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่การลงนามสนธิสัญญาฉบับเสริมเมื่อปี 2005 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งผลสำเร็จงานด้านการปักปันปักหลักพรมแดนมาจากความพยายามแสวงหาแนวทางร่วมกันบนพื้นฐานของความสัมพันธ์มิตรภาพฉันท์พี่น้องและความเห็นอกเห็นใจระหว่าง 2 ประเทศในหลายสิบปีที่ผ่านมา”

งานด้านชายแดนและดินแดนคือเรื่องที่มีความหมายศักดิ์สิทธิ์ของทุกประเทศ การที่เส้นแบ่งพรมแดนได้ถูกกำหนดอย่างชัดเจนในภาคปฏิบัติและมีเอกสารกฎหมายรับรองจะอำนวยความสะดวกให้แก่การบริหารและค้ำประกันงานด้านกลาโหมและความมั่นคงในเขตชายแดน มีส่วนร่วมพัฒนาเศรษฐกิจสังคม ขยายการแลกเปลี่ยน ความร่วมมือและมิตรภาพระหว่างเวียดนามกับกัมพูชา

การที่เวียดนามและกัมพูชาได้ลงนามในเอกสาร 2 ฉบับดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ถ้ามีเจตนาดี มีความมุ่งมั่น ความรับผิดชอบและความพยายามร่วมกัน ปัญหาลำบากซับซ้อนแค่ไหน อย่างเช่น ปัญหาชายแดนก็สามารถแก้ไขได้ นี่ถือเป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญเพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้หวนมองช่วงเวลาที่ผ่านมาและสร้างเป็นพลังขับเคลื่อนให้แก่การบรรลุผลงานที่สำคัญต่างๆในการแก้ไขปัญหาชายแดนและดินแดนในเวลาข้างหน้า.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด