ทางการจีนได้แปรแผนการยืนยันความทะเยอทะยานของตนในทะเลตะวันออกให้เป็นรูปธรรมผ่านการกำหนดเส้นประ 9 เส้นซึ่งบรรดานักการทหาร นักวิจัยกฎหมายและนักวิชาการระหว่างประเทศต่างรู้ทันการเดินเกมส์ดังกล่าวของทางการปักกิ่ง นายพล Daniel Schaeffer อดีตผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารของสถานทูตฝรั่งเศสประจำจีน เวียดนามและไทยและปัจจุบันคือผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับจีน ณ ศูนย์วิจัยเอเชีย 21 ของฝรั่งเศสได้แสดงความเห็นว่า “เป้าหมายของจีนที่เห็นได้ชัดเจนคือการใช้กำลังความแข็งแกร่งหรือปฏิบัติการเงียบๆเพื่อบังคับให้ประเทศต่างๆต้องยอมรับเส้นประ 9 เส้นครอบคลุมพื้นที่ร้อยละ 80 ของทะเลตะวันออกว่าเป็นอาณาเขตของจีนเพื่อครอบครองทรัพยากรแต่เพียงฝ่ายเดียวและมีเป้าหมายแฝงคือจีนต้องการสร้างเส้นทางที่ปลอดภัยให้แก่เรือดำน้ำของตนที่เข้าออกฐานทัพที่เกาะไห่หนานผ่านเขตทะเลน้ำลึกในทะเลตะวันออกหรือผ่านช่องแคบระหว่างฟิลิปปินส์กับไต้หวัน”
ในขณะเดียวกัน นาย อันโตน สวีตอฟ ผู้เชี่ยวชาญของสภาการต่างประเทศรัสเซียได้แสดงความเห็นว่า ในเวลาที่ผ่านมา จีนได้มีการกระทำที่ยั่วยุหลายครั้งกับบางประเทศเพื่อนบ้าน แต่ครั้งนี้มีความรุนแรงมากขึ้นและมีการวางแผนอย่างรอบคอบและการที่จีนระดมขบวนเรือคุ้มกันจำนวนมากเพื่อปกป้องแท่นขุดเจาะถือเป็นการแสดงออกถึงแผนการนี้อย่างชัดเจน

ทำลายทุกความพยายามในการสร้างสรรค์ความสัมพันธ์ร่วมมือมิตรภาพ
เพื่อปฏิบัติความทะเยอทะยานของตน ทางการปักกิ่งได้ไม่สนใจถึงกฎหมายสากล ข้อตกลงที่ได้ให้คำมั่นไว้ ใช้ทุกมาตรการจากการข่มขู่ถึงการใช้ความรุนแรงกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีประโยชน์และอธิปไตยเหนือทะเล ปฏิบัติการที่เลวร้ายของจีนได้ถูกคัดค้านอย่างรุนแรงจากประชามติโลก
เมื่อปี 2011 จีนได้ลงนามข้อตกลงเกี่ยวกับหลักการขั้นพื้นฐานชี้นำการแก้ไขปัญหาทางทะเลกับเวียดนามโดยทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องกันว่า จะแก้ไขการพิพาทในทะเลตะวันออกอย่างสันติผ่านการเจรจาและสนทนามิตรภาพ ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทวิภาค การที่จีนส่งแท่นขุดเจาะเข้าไปเขตทะเลของเวียดนามอย่างอุกอาจเป็นการกระทำที่ละเมิดความไว้วางใจกับกลุ่มอาเซียน ขัดกับเนื้อหาของแถลงการณ์เกี่ยวกับการปฏิบัติของทุกฝ่ายในทะเลตะวันออกหรือดีโอซีที่จีนได้ลงนามกับประเทศสมาชิกอาเซียนเมื่อปี 2002 นาย Gregory Poling ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์และระหว่างประเทศของสหรัฐได้ยืนยันว่า “ด้วยก้าวเดินนี้ จีนได้ทำลายเจตนาดีที่พวกเขาได้สร้างสรรค์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับจีน สร้างภาพลักษณ์ของตัวแสบในระบบระหว่างประเทศ ไม่สามารถกลายเป็นประเทศที่เพิ่งเกิดใหม่ที่มีความรับผิดชิบในประชาคมโลก ประเทศต่างๆจะไม่ไว้วางใจต่อคำมั่นของจีนในข้อตกลงฉบับอื่นๆ”
สร้างแบบอย่างที่รุนแรงในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ประชามติโลกแสดงความเห็นว่า ปฏิบัติการนี้ของจีนได้เกินกว่าขอบเขตที่สำคัญ โดยเฉพาะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อประเทศที่ถือว่าตนเป็นประเทศมหาอำนาจที่ยังคงพยายามสร้างสรรค์สัมพันธไมตรีกับประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งสร้างพื้นฐานที่รุนแรงในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นั่นคือประเทศหนึ่งประเทศใดสามารถใช้ความแข็งแกร่งเพื่อกลั่นแกล้งประเทศเพื่อนบ้าน ไม่สนใจถึงกฎหมายสากล ประชามติได้แสดงความเห็นว่าถ้าหากปฏิบัติการนี้ไม่ถูกคัดค้านและขัดขวาง จีนจะผลักดันกิจกรรมยั่วยุ ทำให้โลกตกเข้าสู่สถานการณ์วุ่นวายผ่านการใช้ความแข็งแกร่งและการกระหายการใช้ความรุนแรงเพื่อสร้างการปกครองของแต่ละประเทศ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ประชาชาติที่ใฝ่สันติภาพรอคอยเพราะเดินสวนกับผลประโยชน์ของประชาคมในภูมิภาคและโลก
ทั้งนี้สิ่งที่ชัดเจนว่า ประชามติโลกกำลังต้องการมีคำตอบจากจีน ต้องยืนยันว่า วิธีการคิดและปฏิบัติการของจีนกำลังเดินสวนกับแนวโน้มหลักในโลกในปัจจุบันคือ ร่วมมือ ให้ความรพและสร้างความไว้วางใจระหว่างกันเพื่อแก้ไขอย่างสันติและเหมาะสมกับผลประโยชน์ของทุกฝ่าย./.