ภาพประชาชนเข้าคิวซื้อสิ่งของในสมัยรัฐอุปถัมภ์ (quanlynhanuoc.vn)

“นโยบายไม่ควรมาจากหน่วยงานบริหารภาครัฐเพียงฝ่ายเดียว หากต้องมีการเข้าร่วมของประชาชนในการวางและตรวจสอบการปฏิบัตินโยบายต่างๆเพื่อให้สอดคล้องกับความปรารถนาของประชาชน” นี่คือคำกล่าวของดร.เหงวียนซิหยุง อดีตรองหัวหน้าสำนักงานของสภาแห่งชาติเกี่ยวกับหลักธรรมาภิบาล หรือ วิธีการปกครองที่ดี โดยได้เผยว่า การบริหารภาครัฐระบุถึงบทบาทของรัฐที่ส่งผลต่อกลุ่มเป้าหมายและด้านต่างๆที่อยู่ภายใต้กรอบการบริหารเท่านั้น ส่วนความหมายของหลักธรรมาภิบาลมีขอบเขตกว้างกว่าเพื่อปฏิบัติอำนาจรัฐ

“เพื่อยกระดับทักษะความสามารถในการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีจะต้องปฏิบัติตามหลักการต่างๆ โดยก่อนอื่นต้องค้ำประกันนิติรัฐ สองคือต้องดำเนินกิจกรรมต่างๆอย่างโปร่งใส สามคือต้องค้ำประกันการชี้แจงปัญหาต่างๆตามความรับผิดชอบและสี่คือต้องมีการเข้าร่วมของประชาชน โดยต้องมีข้อกำหนดทางกฎหมายเกี่ยวกับการเข้าร่วมของประชาชนในการบริหารประเทศและการตรวจสอบการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆผ่านแนวร่วมปิตุภูมิ”

สถานการณ์การพัฒนาในโลกก็แสดงให้เห็นว่า หลายประเทศได้มีการพัฒนาแบบก้าวกระโดดในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เช่น ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลีและสิงคโปร์ แต่ก็มีบางประเทศที่ยังคงถลำลึกในภาวะยากจน ซึ่งความแตกต่างระหว่างประเทศเหล่านี้คือทักษะความสามารถในการมีวิธีการปกครองที่ดี โดยรองศ.ดร.บุ่ยถิอาน หัวหน้าสถาบันสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาได้เผยว่า ในหลักธรรมาภิบาลนั้น ระเบียบการมีบทบาทที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆ รองลงมาคือทักษะความสามารถของบุคลากร“หลักธรรมาภิบาลสะท้อนให้เห็นในทุกด้านและทุกระดับตั้งแต่ส่วนกลางจนถึงท้องถิ่น โดยต้องทำการอบรมและแต่งตั้งบุคลากรที่มีคุณสมบัติเพรียบพร้อม อีกทั้งประเมินประสิทธิผลของการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆเพื่อดูว่า วิธีการปกครองได้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพแล้วหรือไม่ ซึ่งในการเตรียมพร้อมแหล่งบุคลากรยุทธศาสตร์ในสมัชชาพรรคครั้งนี้ก็ยิ่งต้องให้ความสนใจต่อหลักธรรมาภิบาล”

ส่วนนาย เลแทงเวิน สมาชิกคณะกรรมาธิการดูแลการคลังและงบประมาณของสภาแห่งชาติได้ให้ข้อสังเกตว่า การยกระดับทักษะความสามารถในการปกครองประเทศต้องได้รับการปฏิบัติควบคู่กับการยกระดับคุณภาพแหล่งบุคลากร“เพื่อทำการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ต้องให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อการยกระดับคุณภาพบุคลากรที่มีคุณสมบัติเพรียบพร้อม สองคือต้องจัดทำกลไกและนโยบายที่รักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยทางสังคมตามความปรารถนาของประชาชน สามคือมอบอำนาจให้แก่ประชาชนและสถานประกอบการในการปฏิบัติเพื่อระดมแหล่งพลังและผลักดันการแบ่งอำนาจการปกครอง”

ภายหลังปฏิบัติภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศมาเป็นเวลาเกือบ 35 ปี สถานะและศักยภาพของเวียดนามได้รับการยกระดับอย่างเข้มแข็ง ขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น สถานการณ์การเมือง สังคมและเศรษฐกิจมหภาคมีเสถียรภาพ ความเชื่อมั่นของสถานประกอบการและสังคมก็เพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ในระยะต่อไป เศรษฐกิจต้องเผชิญกับความท้าทายนานัปการและความเสี่ยงต่างๆ เช่น การตกอยู่ในกับดักรายได้ปานกลางและความเหลื่อมล้ำในการพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งจำเป็นต้องพัฒนานวัตกรรม ปรับปรุงกลไกเพื่อยกระดับทักษะความสามารถในการบริหารประเทศผ่านระบบกฎหมายเพื่อสนับสนุนความคิดริเริ่มในการผลิตและประกอบธุรกิจ นาย เจิ่นก๊วกเฟือง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวางแผนและการลงทุนได้เผยว่า ในปี 2020 การรักษาอัตราการขยายตัวเป็นบวกในสภาวการณ์ที่ต้องรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งแม้จะไม่บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ แต่ก็เป็นบททดสอบด้านการปฏิบัติวิธีการปกครองที่ดี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสและการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน

ทั้งนี้และทั้งนั้น การปรับเปลี่ยนแนวคิดจากการบริหารของรัฐเป็นการใช้หลักธรรมาภิบาลคือการสร้างก้าวกระโดดในการจัดทำกฎหมาย กลไกและนโยบายเพื่อระดมทุกแหล่งพลัง ไม่ว่าจะเป็นเงินทุน ที่ดินและบุคลากร ส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมให้เป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญแก่ทั้งสถานประกอบการ ประชาชนและองค์กรต่างๆและนี่คือวิธีการรวมพลังที่แข็งแกร่งของประชาชาติในระยะใหม่.