(VOVworld)-ผู้แทนรัฐสภาสมัยที่14และผู้แทนสภาประชาชนทุกระดับวาระปี2016-2021ที่ได้รับเลือกในวันที่22พฤษภาคมนี้จะเป็นความหวังและเป็นปากเสียงให้ประชาชนในสำนักงานอำนาจรัฐทั้งในส่วนกลางและท้องถิ่น ซึ่งผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งคาดหวังว่า บรรดาผู้แทนต้องตระหนักดีและต้องปฏิบัติเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ ตอบสนองความต้องการในการสร้างสรรค์นิติรัฐสังคมนิยมเวียดนามของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชน

การเลือกตั้งผู้แทนรัฐสภาสมัยที่14และสภาประชาชนทุกระดับวาระ2016-2021เป็นเหตุการณ์ทางการเมืองที่สำคัญของประเทศและเป็นโอกาสให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเลือกผู้แทนที่ดีมาเป็นตัวแทนของของตนเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบ สร้างสรรค์กฎหมายและพิจารณาตัดสินใจปัญหาสำคัญของประเทศและของท้องถิ่นในวาระ5ปี

หน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ของผู้ที่ได้รับเลือกเป็นตัวแทนของประชาชน

แนวคิดถือประชาชนเป็นรากฐานคือเป้าหมายในการดำเนินกิจกรรมของรัฐสภา รวมทั้งผู้แทนรัฐสภาและสำนักงานบริหารระดับท้องถิ่น โดยการสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับประชาชนเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนซึ่งจะช่วยสร้างพลังที่เข้มแข็งให้แก่รัฐสภา สภาประชาชนทุกระดับ ค้ำประกันให้สำนักงานเหล่านี้ติดตามการเคลื่อนไหวของสังคมเพื่อออกมติและนโยบายที่ถูกต้อง สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริงและความต้องการของประชาชน บนพื้นฐานดังกล่าวแผนปฏิบัติงานของผู้ลงสมัครทุกคนต่างสะท้อนความมุ่งมั่นตั้งใจเพื่อรัฐสภาที่เปลี่ยนแปลงใหม่และเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรนิติบัญญัติของรัฐเป็นของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชน

การปฏิบัติหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ของผู้แทนของประชาชน ผู้ที่ได้รับเลือกในครั้งนี้ต้องพบปะสังสรรค์กับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในเขตที่ลงสมัครเป็นประจำเพื่อรับฟังความเห็นจากประชาชนพร้อมทั้งใช้สิทธิ์ใช้เสียงในเวทีรัฐสภาเพื่อเป็นตัวแทนของประชาชน นายเหงวียนเลิมแถ่ง รองประธานสภาชนเผ่าแห่งรัฐสภา“ผมคิดว่าถ้าได้รับเลือก ประชาชนคือผู้ติดตามการปฏิบัติงานของผู้แทนที่พวกเขาเลือกเองทั้งในกรอบของรัฐสภา สภาประชาชนและผ่านการเคลื่อนไหวที่เป็นรูปธรรมต่างๆในการมีส่วนร่วมต่อกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของท้องถิ่น โดยเฉพาะสื่อประชาสัมพันธ์มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการช่วยให้ผู้แทนของประชาชนปฏิบัติคำมั่นต่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง  ในขณะที่ผ่านสื่อต่างๆผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งก็สามารถตรวจสอบการปฏิบัติงานของผู้ที่ตนไว้วางใจลงคะแนนเลือกได้”

สมกับความไว้วางใจของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง

ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งคือประเทศจะพัฒนารุ่งเรืองยิ่งขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้รับการยกระดับให้สูงขึ้นในทุกด้าน ตลอดจนปรารถนาให้ชุมชนที่ตนอาศัยมีการพัฒนาก้าวหน้าเช่นกัน  ซึ่งบรรดาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งต่างรับทราบถึงความปรารถนาเหล่านี้พร้อมให้คำมั่นในการแก้ไขหากได้รับเลือก แต่ที่ถือว่าสำคัญที่สุดคือเมื่อได้รับความไว้วางใจจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งแล้ว บรรดาผู้ลงสมัครจะต้องทำอย่างไรให้สมกับความไว้วางใจนั้น นายเจิ่นเฟือกสาว ชาวฮานอยกล่าวว่า“เพื่อที่จะลงคะแนนเลือกผู้แทนคนใดเราต้องดูว่าเขาคือใครและสามารถจะเป็นตัวแทนของประชนชนได้หรือไม่ ต้องทำเพื่อประชาชน มีความใกล้ชิดกับประชาชนและเข้าใจประชาชน ถ้าเลือกไม่ถูกก็จะได้แต่คนที่พูดเก่งกว่าทำ”

ส่วนนายเหงวียนหงอกแถ่ง ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในจังหวัดฟู้เถาะกล่าวว่า“ผมเห็นว่าผู้ลงสมัครสามารถเสนอแผนปฏิบัติงานที่เป็นรูปธรรม ซึ่งถ้าหากสามารถทำได้ตามคำมั่นสัญญาเราจะมีความยินดีมากและแนะนอนว่าเศรษฐกิจสังคมของประเทศจะพัฒนายิ่งขึ้น ดังนั้นผมก็ปรารถนาให้ผู้ลงสมัครที่ได้รับเลือกจะแปรคำมั่นให้เป็นรูปธรรมและผมก็เชื่อมั่นว่าพวกเขาจะสามารถทำได้ดีกว่าคำมั่นที่ให้ไว้”

รัฐสภาเวียดนามได้ผ่านเส้นทาง70ปีแห่งการก่อตั้งและพัฒนาด้วยการจัดการเลือกตั้งรวม13สมัย ซึ่งในแต่ละวาระที่ผ่านมา แม้จะมีสถานการณ์และหน้าที่ใหม่แต่ประชาชนเชื่อมั่นเสมอว่า ผู้แทนทุกคนจะทุ่มเทแรงกายแรงใจ สติปัญญาความสามารถเพื่อรับใช้ประชาชน ซึ่งความไว้วางใจของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะเป็นพลังขับเคลื่อนให้ผู้แทนรัฐสภาและสภาประชาชนทุกคนปฏิบัติตามแผนงานของตนอย่างมีประสิทธิภาพตามคำมั่นที่ให้ไว้.