มาตรการการทูตเพื่อแก้ไขปัญหานิวเคลียร์ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี
Hong Van - VOV5 -  
(VOVWORLD) -ในหลายวันที่ผ่านมา ความตึงเครียดเรื่องปัญหานิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นด้วยท่าทีทางทหารที่ชัดเจนเนื่องจากคำประกาศที่แข็งกร้าวอย่างต่อเนื่องของผู้นำทั้งสองประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม มาตรการทางการทูตยังคงเป็นมาตรการแรกที่ทุกฝ่ายจะเลือกใช้เพื่อคลี่คลายความตึงเครียด
ประธานาธิบดีสหรัฐกับผู้นำสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (Photo Reuters) |
เมื่อเดือนกรกฎาคม สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีได้ทดลองยิงขีปนาวุธข้ามทวีป ICBM สองครั้งติดต่อกัน ซึ่งเป็นความก้าวหน้าในการพัฒนาคลังอาวุธยุทธศาสตร์อย่างสมบูรณ์ของเปียงยางและสร้างภัยคุกคามต่อสหรัฐ เมื่อเร็วๆนี้ หน่วยข่าวกรองสหรัฐได้รายงานว่า เปียงยางสามารถผลิตอาวุธนิวเคลียร์ขนาดเล็กเพื่อใช้ติดบนขีปนาวุธ ICBM ได้แล้ว ซึ่งข่าวดังกล่าวก็ได้รับการยืนยันผ่านผลการวิจัยของฝ่ายญี่ปุ่น
คำประกาศที่แข็งกร้าวของทั้งสองฝ่ายเกี่ยวกับสงคราม
ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีทวีความรุนแรงมากขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศเตือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีเมื่อวันที่ 9 สิงหาคมว่า ต้องรับมือกับ “อาวุธและความโกรธ” นี่คือคำประกาศที่คาดว่า เป็นปฏิกิริยาต่อคำเตือนของเปียงยางที่จะตอบโต้คำสั่งคว่ำบาตรใหม่ของสหประชาชาติและหลังจากที่มีหลักฐานว่า เปียงยางสามารถแก้ไขอุปสรรคด้านเทคนิกเพื่อสามารถโจมตีสหรัฐและยุโรปตะวันตกด้วยขีปนาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธข้ามทวีป ส่วนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีได้ประกาศว่า กำลังพิจารณาแผนการใช้ขีปนาวุธพิสัยกลางฮวาซอง-12 โจมตีเกาะกวมของสหรัฐในแปซิฟิก ซึ่งเป็นที่ตั้งฐานทัพที่สำคัญของสหรัฐ นี่เป็นคำเตือนที่ชัดเจนที่ไม่เคยมีมาก่อนของเปียงยาง “ ใน 4 วันข้างหน้า กองทัพสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีจะยิงขีปนาวุธฮวาซอง-12 รวม 4 ลูกใส่เกาะกวมของสหรัฐ” และไม่ใช่แค่คำพูดเพื่อสร้างความสนใจเท่านั้น แต่เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ชาวสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีเกือบ 3.5 ล้านคน รวมถึงนักเรียน กรรมกรและอดีตทหาร ได้สมัครเข้าเป็นทหาร
ในขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ได้เตือนผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ทวิตเตอร์อย่างชัดเจนว่า “มาตรการทางทหารทุกมาตรการพร้อมแล้ว ปืนจะถูกบรรจุกระสุนหากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีไม่มีการตัดสินใจที่เฉลียวฉลาด หวังว่านายคิมจองอึนจะเลือกเส้นทางอื่น” ในความเป็นจริง เพนตากอนได้วางแผนเพื่อโจมตีสถานที่ผลิตขีปนาวุธของเปียงยางก่อนแล้ว ซึ่งสำคัญที่สุดคือการใช้เครื่องบินทิ้งระเบิด B – 1B จากฐานทัพอากาศ Andersen บนเกาะกวมโจมตีฐานปล่อยจรวด ฐานทัพสนับสนุนและสถานที่ทดลองยิงขีปนาวุธของเปียงยาง ตลอดจนการยิงสกัดขีปนาวุธของเปียงยางในเขตทะเลระหว่างประเทศ ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของศูนย์ก้าวหน้าสหรัฐ Adam Mount ให้ข้อสังเกตว่า กองทัพสหรัฐอาจใช้ระบบป้องกันขีปนาวุธชั้นสูงระยะสุดท้ายหรือ THAAD ที่ติดบนเกาะกวมหรือระบบ Aegis บนเรือพิฆาตเพื่อสกัดขีปนาวุธของเปียงยาง
ในสภาวการณ์ดังกล่าว การซ้อมรบร่วม “ผู้พิทักษ์เสรีภาพอุลชิ” ระหว่างสหรัฐกับสาธารณรัฐเกาหลีที่กำหนดมีขึ้นในวันที่ 21 สิงหาคมก็ถูกคาดว่า จะทำให้สถานการณ์ทวีความตึงเครียดมากขึ้นเพราะว่า เปียงยางมักจะถือการซ้อบรบร่วมระหว่างสหรัฐกับสาธารณรัฐเกาหลีเป็นการฝึกซ้อมเพื่อรุกรานสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ดังนั้น ก่อนการซ้อมรบดังกล่าวเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เปียงยางได้เตือนว่า สถานการณ์ยั่วยุใหม่ที่เกิดขึ้นสามารถส่งผลให้เกิดสงครามนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี
(Photo Yonhap) |
สนับสนุนมาตรการทางการทูต
แม้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีกำลังตึงเครียดเป็นอย่างมากแต่มาตรการทางทหารไม่ใช่มาตรการแรกที่ทุกฝ่ายจะเลือกใช้เพราะจะเกิดผลเสียที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ การที่วอชิงตันเปิดยุทธนาการทางทหารต่อต้านเปียงยางจะต้องใช้งบประมาณจำนวนมากและทำให้สหรัฐต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับเสถียรภาพและสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี นายพล Joseph Dunford ประธานสภาเสนาธิการใหญ่สหรัฐได้ประเมินว่า สงครามบนคาบสมุทรเกาหลีจะรุนแรงมากและเกิดความเสียหายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พร้อมทั้งยอมรับว่า กองทัพสหรัฐกำลังเตรียมมาตรการทางทหารอย่างเต็มที่เพื่อรับมือกับเปียงยางในกรณีที่จำเป็นแต่ ณ ขณะนี้ก็ยังให้ความสำคัญเป็นพิเศษต่อการเพิ่มแรงกดดันทางการทูตและเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐ เจมส์ แมตทิส และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน กล่าวว่า วอชิงตันพร้อมเจรจากับเปียงยางหากเปียงยางแสดงเจรจนาที่ดีเช่นกัน
แม้ในหลายวันที่ผ่านมา ทั้งสหรัฐและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีได้ออกคำประกาศที่เข้มแข็งเกี่ยวกับสงครามแต่ทั้งสองฝ่ายต่างตระหนักได้ดีเกี่ยวกับผลเสียหายจากสงคราม จึงให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่อมาตรการทางการทูตเพื่อแก้ไขความขัดแย้งเกี่ยวกับปัญหานิวเคลียร์ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี.
Hong Van - VOV5