(VOVworld) –  ในหลายวันที่ผ่านมา บรรดาองค์การระหว่างประเทศ เช่น ธนาคารพัฒนาเอเชีย ธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศต่างพยากรณ์ว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเวียดนามจะอยู่ที่กว่าร้อยละ๕ ซึ่งต่ำกว่าการพยากรณ์เมื่อ๔เดือนก่อน อย่างไรก็ตาม นักวิชาการจำนวนมากเห็นว่า นี่เป็นอัตราการขยายตัวที่เหมาะสมในช่วงนี้ เพราะเวียดนามกำลังเน้นรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจเพื่อให้สถานการณ์เศรษฐกิจในปี๒๐๑๓และในปีต่อๆไปดีขึ้น

หน้าที่หลักของรัฐบาลคือ ลดเป้าหมายการขยายตัวเพื่อรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจ(Photo:Internet)

แม้จะพยากรณ์ว่า อัตรา GDP ของเวียดนามในปี๒๐๑๒ลดลงแต่บรรดาองค์การระหว่างประเทศต่างให้ข้อสังเกตุว่า อัตราการขยายตัวในปี๒๐๑๓จะกระเตื้องขึ้นเพราะว่า ควบคู่กับการควบคุมเงินเฟ้อ รัฐบาลเวียดนามก็ได้ปรับปรุงมาตรการต่างๆเพื่อผลักดันการขยายตัว เช่น ผ่อนคลายนโยบายการเงิน ลดดอกเบี้ยเงินฝากจากร้อยละ๑๕ในช่วงปลายปี๒๐๑๑ลงเหลือร้อยละ๑๑ให้สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง และยืนหยัดแก้ไขปัญหาหนี้เสีย หนึ่งในมาตรการที่รัฐบาลกำลังพิจารณาคือจัดตั้งบริษัทซื้อขายหนี้สังกัดธนาคารชาติที่ใช้ทุนจดทะเบียน๑๐๐ล้านล้านด่งและแก้ไขปัญหาธนาคารที่ประสบปัญหาอย่างเด็ดขาดภายในปี๒๐๑๓เพื่อให้ระบบการเงินของธนาคารมีความบริสุทธิ์โปร่งใส ควบคู่กับนโยบายปรับปรุงเศรษฐกิจอย่างคล่องตัว เวียดนามกำลังผลักดันการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ ปรังปรุงโครงสร้างการลงทุนสาธารณะ ท่านBùi Quang Vinh รัฐมนตรีกระทรวงวางแผนและการลงทุนกล่าวว่า “การลงทุนสาธารณะกำลังลดลง การลงทุนภาคเอกชนได้รับการส่งเสริม ตามมติการประชุมคณะกรรมการกลางพรรค ในการปรับปรุงโครงสร้างการลงทุน ต้องเน้นโครงสร้างการลงทุนสาธารณะ รัฐจะให้ภาคเอกชนลงทุนในด้านที่ภาคเอกชนสามารถลงทุนได้ ในปีต่อๆไป รัฐจะลดการลงทุนจากงบประมาณแผ่นดินและพันธบัตรรัฐบาล แต่หันไปส่งเสริมให้ภาคเอกชนเข้าร่วมการลงทุนมากขึ้น รวมทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานผ่านรูปแบบความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน”   
การขยายเวลางดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มก็เป็นมาตรการที่ดีเพื่อมีส่วนร่วมแก้ไขอุปสรรคให้แก่สถานประกอบการภายในประเทศและผลักดันการส่งออก ตามรายงานของธนาคารพัฒนาเอเชีย ร่วมกับจีน เวียดนามเป็น๑ใน๒ประเทศของเอเชียแฟซิฟิกที่มีการขยายตัวของภาคการส่งออกในขณะที่การส่งออกของแทบทุกประเทศในภูมิภาคต่างลดลง นอกจากนี้ เวียดนามยังผลักดันนโยบายดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศซึ่งกรมการลงทุนจากต่างประเทศแห่งกระทรวงวางแผนและการลงทุนเผยว่า ในเดือนกันยายน จำนวนเงินทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือFDI ที่ไหลเข้ามาในเวียดนามกว่า๑พันล้านเหรียญสหรัฐทำให้จำนวนเงินทุนFDIใน๙เดือนที่ผ่านมามีถึง๙พัน๕ร้อย๒๐ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งการเบิกจ่ายเงินได้กว่า๘พัน๑ร้อยล้านเหรียญสหรัฐ นายNguyễn Văn Toàn อุปนายกสมาคมนักธุรกิจFDIแห่งกระทรวงวางแผนและการลงทุนเผยว่า “ใน๙เดือนที่ผ่านมา แม้ว่า จำนวนเงินทุนFDIจะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี๒๐๑๑ แต่มีเงินทุนที่ได้เบิกจ่ายคิดเป็นร้อยละ๙๘ของปี๒๐๑๑ซึ่งเป็นสัญญาณที่น่ายินดี  ประเด็นที่๒คือ มีการลงทุนในด้านเทคโนโลยีและการผลิตค่อนข้างสูง ก่อนปี๒๐๑๒ ไม่มีบริษัทใดที่ลงทุน๑พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่ใน๙เดือนที่ผ่านมา มีบริษัทญี่ปุ่น๒แห่งที่มีจำนวนเงินทุนค่อนข้างสูง รวมทั้งบริษัทอสังหาริมทรัพย์๑แห่ง ในขณะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ซบเซแต่พวกเขายังคงลงทุนในด้านนี้แสดงให้เห็นว่า พวกเขามีความเชื่อมั่นว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะพัฒนาในอนาคต ”

จากสัญญาณที่ดีต่างๆในเวลาที่ผ่านมา แน่นอนว่า อัตราการขยายตัวของเวียดนามจะดีขึ้นในเร็วๆนี้ (Photo:Internet)

บรรดานักวิชาการยังให้ข้อสังเกตุว่า  แม้ว่า ความเชื่อมโยงระหว่างเวียดนามกับโลกจะยังไม่แน่นแฟ้นมากนักแต่เวียดนามก็ถูกผลกระทบจากความซบเซาของเศรษฐกิจโลก ดังนั้น สิ่งที่จำเป็นและเร่งด่วนคือต้องขยายทักษะการพยากรณ์เพื่อยกระดับประสิทธิภาพของการบริหารของรัฐบาล เมื่อเร็วๆนี้ รัฐบาลเวียดนามได้เห็นด้วยเข้าร่วมโครงการประเมินภาคการเงินของกองทุนการเงินระหว่างประเทศและธนาคารโลกซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่๑ปี๒๐๑๓ โดยอาศัยการประกาศผลของโครงการ คำมั่นของรัฐบาลเวียดนามเกี่ยวกับการปฏิบัติขั้นตอนการปฏิรูปโดยมีปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรมเพื่อสร้างจิตวิทยาต่อบรรดานักลงทุนซึ่งได้รับการชื่นชมจากบรรดานักอุปถัมภ์ต่างประเทศ นายRajat Nag ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารธนาคารพัฒนาเอเชีย ย่านเอเชียแปซิฟิกกล่าวว่า “พวกเรามีความเชื่อมั่นในการขยายตัวในระยะยาวของเวียดนามแต่สิ่งที่สำคัญในปัจจุบันคือ เวียดนามต้องทำการปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็งต่อไป และพยายามปฏิบัตินโยบายที่ได้วางไว้ ขยายการบริหารของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพ ปรับปรุงโครงสร้างสถานประกอบการภารรัฐเพื่อให้เวียดนามพัฒนาอย่างยั่งยืนยิ่งขึ้น”
บรรดานักวิชาการเห็นว่า ประเทศกำลังเผชิญกับอุปสรรคแต่สัญญาณที่ดีต่างๆในเวลาที่ผ่าน เช่น ผลผลิตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศต่างๆในภูมิภาค ผลิตภัณฑ์มวลรวมหรือGDPต่อหัวประชากรเพิ่มขึ้น จุดแข็งในการส่งออก และเงินเฟ้อได้รับการควบคุม พร้อมกับการยืนหยัดปฏิบัติเป้าหมายสร้างเสถียรภาพของเศรษฐกิจที่ได้วางไว้ แน่นอนว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเวียดนามจะดีขึ้นในเร็วๆนี้ ./.