นักธุรกิจรุ่นต่างๆพร้อมจิตใจแห่งความใฝ่ฝันได้ร่วมสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศ
Anh Huyen - VOV5 -  
(VOVWORLD) -ในกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม นักธุรกิจถือว่าเป็นฟันเฟืองที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งก็เปรียบได้กับทหารที่เป็นแนวหน้าปกป้องประเทศในช่วงสงคราม โดยนักธุรกิจทุกคนถือเป็นทหารในสนามรบด้านเศรษฐกิจสังคม ในตลอดกว่า 30 ปีของการเปลี่ยนแปลงใหม่ประเทศ นักธุรกิจรุ่นใหม่ได้ฝึกฝนหล่อหลอมตนเอง มีความฝันและประสบความสำเร็จต่างๆ โดยเฉพาะมีความปรารถนาที่จะสร้างแบรนด์เวียดนามให้นับวันมีมูลค่ามากขึ้นและได้มาตรฐานโลก
นายเจืองยาบิ่งห์ ประธานเครือบริษัท FPT (Photo cafef.vn) |
นายเจืองยาบิ่งห์ ประธานเครือบริษัท FPT ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในเวียดนามกล่าวว่า จากช่วงแรกที่ประสบอุปสรรคมากมายแม้กระทั่งความล้มเหลว จนทำให้เขาและเพื่อนร่วมงานต้องรู้สึกท้อแท้ใจในบ้างครั้งแต่ด้วยยความมุ่งมั่นตั้งใจ ทุกคนก็ได้พยายามทำความฝันคือพัฒนาFPTเป็นเครือบริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศชั้นนำในเวียดนาม และ ณ ปัจจุบัน FPT ก็เป็นหุ้นส่วนที่ได้รับความเชื่อมั่นจากเครือบริษัทระหว่างประเทศต่างๆ ด้วยผลิตภัณฑ์ FPT-Made in Vietnam ครบวงจร ในการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ทางบริษัทยังเป็นหนึ่งในบริษัทเดินหน้าในกระบวนการนี้ โดยเน้นจุดแข็งหลักสามประการ ได้แก่ คิดใหญ่ – เข้าถึงอย่างชาญฉลาด - พัฒนาอย่างรวดเร็ว อีกทั้งมีแรงงานและเทคโนโลยีที่มีคุณภาพสูง นาย เจืองยาบิ่งห์ ได้นำบริษัทฯ พัฒนาอย่างเข้มแข็งเหมือนที่เขาหวังไว้ “เรามีความประสงค์ว่า จะนำความรู้ความสามารถของเวียดนามให้ก้าวไกลออกไปสู่ต่างประเทศเพื่อขยายขอบเขตความคิดของประเทศ เรามีความคาดหวังสูงแต่เมื่อเราทำก็ล้มเหลวทันที เราได้ไปสหรัฐเพื่อเปิดบริษัทที่ซิลิคอนวัลเลย์และที่อินเดีย แต่ก็ล้มเหลวและต้องปิดบริษัทภายใน 2 ปี แต่นั่นคือราคาที่เราต้องจ่าย ไม่ใช่เพื่อประสบความสำเร็จในเวียดนามเท่านั้น หากยังต้องประสบความสำเร็จในระดับโลกด้วย”
นาย เจิ่นจ่องเกียน ประธานคณะกรรมการและผู้อำนวยการใหญ่เครื่อบริษัทนำเที่ยวเทียนมิงห์หรือ TMG Group หนึ่งในนักธุรกิจที่มีความคิดสร้างสรรค์ ได้มีส่วนร่วมเป็นอย่างมากต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจเวียดนาม จากจุดเริ่มต้นที่เป็นบริษัทเล็ก ๆ ที่ประกอบธุรกิจในรูปแบบใหม่ คือการท่องเที่ยวผจญภัย ทางบริษัทสามารถเจาะตลาด 18 ประเทศและกลายเป็นหนึ่งในบริษัทนำเที่ยวชั้นนำของเอเชีย โดยมีมูลค่าตามราคาตลาดสูงและเป็นเจ้าของระบบโรงแรมรีสอร์ทหรูหราหลายแห่ง นอกจากนี้ ทางบริษัทกำลังพยายามพัฒนาธุรกิจด้านการบิน นายเจิ่นจ่องเกียนถือว่า "เพื่อพัฒนาอย่างเข้มแข็ง ต้องคิดใหญ่ ต้องแข่งขันอย่างโปร่งใสและยุติธรรม" “เพื่อพัฒนาประเทศ หลายบริษัทต้องเติบโตเพื่อสร้างงานทำและสร้างการขยายตัวให้แก่ประเทศ ทางบริษัท TMG Group มุ่งหวังที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เราจะพยายามพัฒนาเป็นบริษัทระดับพันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคนับสิบล้านคนและมีส่วนร่วมต่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศเวียดนาม”
ไม่เพียงแต่พยายามเจาะตลาดใหญ่ทั่วโลกเท่านั้น แต่ผู้ประกอบการหลายคน เช่น คุณ เลเหวียดหาย ประธานคณะกรรมการและผู้อำนวยการใหญ่ของเครือบริษัทก่อสร้างหว่าบิ่งห์ยังตั้งความหวังว่าจะนำอุตสาหกรรมการก่อสร้างของเวียดนามขึ้นมาอยู่อันดับหนึ่งของโลกอีกด้วย “เวียดนามสามารถพัฒนาเครื่องหมายการค้าในหลายด้านให้มาอยู่อันดับแนวหน้าของโลก เช่น เป็นประเทศส่งออกกาแฟ ข้าวอันดับหนึ่งของโลกในช่วงสงครามกองทัพเวียดนามเป็นกองทัพที่ดีที่สุดในโลก ... แล้วทำไมการก่อสร้างของเราถึงจะไม่สามารถติดอันดับหนึ่งได้ จากการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย บริษัท Vinfast สามารถสร้างโรงงานได้ภายในเวลา 21 เดือน ส่วนบริษัทหว่าฟาดก็สามารถก่อสร้างโรงงานผลิตเหล็กที่มีกำลังการผลิตนับสิบล้านตันภายในเวลาเพียง 18 เดือนเท่านั้น นี่คือการทำสถิติในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง อาจกล่าวได้ว่า อุตสาหกรรมการก่อสร้างของเวียดนามก็มีโอกาสที่จะติดอันดับหนึ่งของโลกได้ เพียงหนึ่งบริษัทอาจไม่สามารถสร้างชื่อเสียงให้แก่ทั้งหน่วยงานได้แต่ถ้าหากเรารู้จักรวมพลังเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ก็คิดค้นนวัตกรรมของเวียดนามได้เอง”
ผู้ประกอบการเหล่านี้ได้พยายามฟันฝ่าอุปสรรคมากมายเพื่อสร้างแบรนด์และชื่อเสียงของเวียดนามบนเวทีโลก และสิ่งที่น่ายินดีคือ นอกจากมีความปรารถนาอันแรงกล้าในการพัฒนาสถานประกอบการของตัวเอง พวกเขายังพยายามทุ่มเทส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มีความสามารถสูง มีความคิดสร้างสรรค์ มีความรู้และใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยถือว่า นี่เป็นความรับผิดชอบต่อสังคม นายฝ่ามดิ่งดว่าน ประธานกรรมการเครื่อบริษัทฟู๊ท้ายและอุปนายกสมาคมนักธุรกิจซาวด๋อกล่าวยืนยันว่า “หลังจากพัฒนามาเป็นเวลา 20 ปี ทางสโมสรมีสมาชิกประมาณ 100 คน โดยเฉพาะมีนักธุรกิจชั้นนำของเวียดนาม เช่น คุณลองของเครือบริษัทหว่าฟาด คุณเยืองของเครือบริษัทเจื่องหาย คุณหวูของเครือบริษัทกาแฟจุงเงวียนและคุณทั้งของเครือบริษัทด่งเติม นอกจากมีส่วนร่วมในด้านเศรษฐกิจ เรายังทำเพื่อชุมชน โดยเฉพาะในช่วงต้นปีนี้ เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ทางสโมสรได้บริจาคเงินจำนวน 1แสน 9หมื่น 4 ร้อยพันล้านด่งให้แก่กิจกรรมเพื่อสังคมและการกุศล หนึ่งใน 5 เป้าหมายหลักของสมาคมฯคือ สนับสนุนชุมชนสตาร์ทอัพ เราให้คำมั่นว่า จะสนับสนุนทั้งในด้านสติปัญญา คุณสมบัติและเดินพร้อมกับสถานประกอบการสตาร์ทอัพเพื่อให้พวกเขาสามารถสร้างรายได้ ให้เวียดนามมีนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ ที่สามารถช่วยเหลือและทำประโยชน์เพื่อสังคมและชุมชนในอนาคต”
เพื่อให้เวียดนามมีนักธุรกิจที่กล้าหาญและมีขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลก นอกเหนือจากความคิดสร้างสรรค์แล้ว นักธุรกิจรุ่นพี่ยังได้จุดประกายจิตสำนึกแห่งการพัฒนาให้แก่นักธุรกิจรุ่นใหม่ซึ่งรวมถึงความรักชาติและความปรารถนาที่จะนำเศรษฐกิจเวียดนามพัฒนาอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนมากขึ้น.
Anh Huyen - VOV5