นำสินค้าการเกษตรเวียดนามเข้าสู่ตลาดอี-คอมเมิร์ซ

(VOVWORLD) -การใช้เทคโนโลยีคือมาตรการที่สร้างความเชื่อมโยงระหว่างอุปสงค์กับอุปทานในตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ การประยุกต์ใช้อี-คอมเมิร์ซคือแนวโน้มใหม่ของโลก ซึ่งเป็นแนวทางที่เวียดนามต้องให้ความสนใจในฐานะประเทศที่มีอัตราการส่งออกสินค้าอยู่ที่กว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสินค้าเกษตรเป็นจุดแข็งและมีตลาดที่มีประชากรกว่า 90 ล้านคน
นำสินค้าการเกษตรเวียดนามเข้าสู่ตลาดอี-คอมเมิร์ซ - ảnh 1เว็บไซต์ AZUAMUA.COM 

 การเปิดตลาดอี-คอมเมิร์ซสำหรับสินค้าการเกษตรถือเป็นมาตรการที่ดีเพื่อสนับสนุนการเชื่อมโยงโดยตรงระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภค คุณเหงียนเท้เตียบ เจ้าของเว็บไซต์ AZUAMUA.COM ซึ่งเป็นตลาดอี-คอมเมิร์ซสำหรับสินค้าเกษตรเวียดนามแสดงความคิดเห็นว่า ตลาดสินค้าการเกษตรปลอดสารพิษมีเสถียรภาพ มีศักยภาพและมีแนวโน้มพัฒนาอย่างยั่งยืนในแต่ละปี โดยเฉพาะในสภาวการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 และแนวโน้มการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในปัจจุบัน “ตอนนี้ คนเวียดนามไม่เพียงแต่กินอาหารให้อิ่มเท่านั้น หากยังต้องเป็นอาหารที่มีความปลอดภัยและสามารถตรวจสอบแหล่งกำเนิดสินค้าได้ ดังนั้น AZUAMUA.COM ได้เลือกนำสินค้าการเกษตรและธัญญาหารมาขายในตลาตอี-คอมเมิร์ซของเวียดนาม เราได้ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลตามแนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค นั่นคือการเปลี่ยนจากการไปซื้อของตามซูปเปอร์มาเก็ตและตลาดมาเป็นการซื้อออนไลน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ดังนั้นนี่คือเรื่องที่จำเป็นที่เราต้องเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับแนวโน้มในปัจจุบัน”

ตลาดอี-คอมเมิร์ซมีบทบาทเป็นเหมือนสะพานเชื่อมที่ช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการติดต่อระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภค ลดต้นทุนการผลิต ค่าโฆษณา ค่าจ้างคนงาน หาลูกค้าและต้นทุนการประกอบธุรกิจต่างๆ นาย เหงียนหิวบิ่งห์ สมาชิกคณะกรรมการสมาคมการค้าอิเล็กทรอนิกส์เวียดนามให้ข้อสังเกตว่า ในสภาวการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 การค้าอิเล็กทรอนิกส์ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ผู้ผลิตรายใหญ่ๆและบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งได้เลือกเวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางเพื่อเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทาน        “ศักยภาพของการค้าอิเล็กทรอนิกส์ในเวียดนามมีสูงมาก ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่เวียดนามจะสามารถธำรงอัตราการขยายตัวของการค้าอิเล็กทรอนิกส์ให้อยู่ที่ระดับเลขสองหลัก นี่คือช่วงเวลาที่ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมในการซื้อของ ถ้าหากสถานประกอบการสามารถใช้โอกาสนี้ได้อย่างเต็มที่ก็จะได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก”

ในเวลาที่ผ่านมา ผู้บริโภคได้เปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อของอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนิยมหันมาซื้อของออนไลน์มากขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ผู้บริโภคจะสามารถค้นหา ทำการเปรียบเทียบและซื้อของจากเว็บไซต์เหล่านี้ได้อย่างสะดวกแทนการไปหาซื้อในรูปแบบเดิม ดังนั้น สถานประกอบการ โดยเฉพาะสถานประกอบการที่ประกอบธุรกิจด้านสินค้าการเกษตรของเวียดนามจึงพยายามปรับตัว โดยเน้นยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ลงทุนเปิดร้านออนไลน์และผลักดันการประชาสัมพันธ์ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ เป็นต้น นาย เหงียนเท้เตียบเผยต่อไปว่า            “พวกเราใช้ซอฟท์แวร์บริหารการผลิต การแปรรูปและการจำหน่ายเพื่อเพิ่มผลผลิต คุณภาพและระบุแหล่งกำเนิดสินค้าในฟาร์ม ซึ่งซอฟท์แวร์เหล่านี้ได้ช่วยให้การบริหารของเรามีความสะดวกเป็นอย่างมาก”

การนำสินค้าการเกษตรมาขายในตลาดอี-คอมเมิร์ซและพยายามเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์การเกษตรของเวียดนามเป็นแนวโน้มที่นักธุรกิจรุ่นใหม่เวียดนามดั่งเช่นคุณเหงียนเท้เตียบ เจ้าของตลาดอี-คอมเมิร์ซ AZUAMUA.COM กำลังพยายามทำอยู่ ซึ่งปัจจุบัน มีตลาดอี-คอมเมิร์ซหลายแห่งที่จำหน่ายสินค้าการเกษตรและอาหารสดของเวียดนามกำลังประกอบธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น Lazada, Tiki และ FoodMap และจากความพยายามของสตาร์อัพรุ่นใหม่เหมือน AZUAMUA.COM แน่นอนว่า สินค้าการเกษตรของเวียดนามจะได้รับความนิยมจากผู้บริโภคและจะสามารถเจาะตลาดโลกได้ในอนาคตอันใกล้นี้.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด