บ่านวันโห่ง – ชายหนุ่มเผ่าเย้าที่สร้างฐานะจากการเพาะเลี้ยงตัวอ้น

ก่อนหน้านี้ ครอบครัวนาย บ่านวัยโห่ง ปลูกข้าวและกระถินเทพาเพื่อนำไปแปรรูปไม้ แต่ชีวิตความเป็นอยู่ยังคงประสบความยากลำบาก เนื่องจากรายได้ไม่มั่นคง หลังจากได้มีโอกาสอ่านบทความเกี่ยวกับรูปแบบการเพาะเลี้ยงอ้น นาย โห่ง ได้เริ่มศึกษาอย่างจริงจังเมื่อ 6 ปีที่แล้ว โดยซื้อพ่อแม่พันธุ์ตัวอ้นจากชาวบ้านเพื่อลองเพาะเลี้ยง ในช่วงแรก มีลูกอ้นติดโรคหรือโตช้าเป็นจำนวนมาก แต่เขาเองยังตั้งใจศึกษาหาข้อมูลเพื่อเก็บประสบการณ์ จากกระบวนการเพาะเลี้ยงในสภาพจริง จนถึงปัจจุบัน ฟาร์มเลี้ยงอ้นของเขามีกว่า 300 ตัว จากพ่อแม่พันธุ์อ้น 40 คู่ในตอนเริ่มเลี้ยง นาย บ่านวันโห่ง เผยว่า

“การเพาะเลี้ยงอ้นไม่ยาก แถมสบายกว่าการเพาะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นๆ เนื่องจากลูกอ้นกินแต่ไผ่ โดยผมจะไปตัดไผ่วันละครั้ง ส่วนข้าวโพดผมปลูกเองก็เลยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ถ้าหากมีธุระต้องไปไหนไกลๆ ก็ให้กินสองวันครั้งก็ได้ ก่อนหน้านั้น ผมต้องไปเตรียมดินเพื่อปลูกไม้กระถินเทพา แต่ตอนนี้ ผมสามารถเพาะเลี้ยงอ้น ควบคู่กับการปลูกไม้กระถินเทพาและทำงานอื่นไปพร้อมๆ กันได้”

ในทุกๆ วัน ครอบครัวนาย บ่านวันโห่ง จะผลัดกันดูแลฟาร์มเพาะเลี้ยงอ้น ตั้งแต่การตัดไผ่ จัดเตรียมอาหาร ตรวจเช็คสุขภาพของฝูงอ้น และจับคู่ผสมพันธุ์ นาง เจี่ยวถิฮาย ภรรยานายโห่ง เผยว่า

“สำหรับการดูแลอ้นนั้น ต้องดูว่า มันกินอาหารหรือไม่ ถ้ามันไม่กิน ต้องตรวจดูว่า มีฟันหักหรือปวดท้องไหม ถ้าฟันหัก เราต้องใช้คีมตัดให้เสมอกัน ให้ข้าวสวยหรืออาหารอ่อนกิน 1-2 วันเพื่อรอให้ฟันงอกใหม่ ถ้าหากมีอาการท้องเสีย ก็ต้องให้กินยา ส่วนถ้าอ้นคลอดลูกหรือให้นมลูก ก็ต้องดูแลเป็นพิเศษ โดยต้องให้ข้าวสวยและอ้อยเยอะขึ้นเพื่อให้อ้นมีนมเพียงพอ”

ราคาพ่อแม่พันธุ์อ้นที่คลอดลูกแล้วอยู่ที่ 2.5 ล้านด่องต่อคู่ ช่วยสร้างกำไรให้แก่ครอบครัวนาย โห่ง มากกว่า 100 ล้านด่องต่อปี

อ้นตัวเมียจะคลอดลูก 2-4 รอบต่อปี รอบละ 2-6 ตัว เมื่อฝูงอ้นมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึงร้อยตัว ครอบครัวนาย โห่ง ได้กู้เงินเพื่อขยายฟาร์มให้ใหญ่ขึ้นซึ่งใช้เงินประมาณ 100 ล้านเวียดนามด่อง นอกจากนี้ นาย โห่ง ยังนำกระเบื้องปูพื้นเก่ามาสร้างเป็นรังขนาด 0.6 เมตร เพื่อป้องกันโรคและสามารถติดตามการเจริญเติบโตของฝูงอ้นได้ง่าย

สำหรับอ้นที่โตเต็มวัยจะมีน้ำหนักอยู่ที่ราว 0.9-1.5 กก. ส่วนอ้นอายุประมาณหนึ่งเดือนครึ่งที่พึ่งหย่านมจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 3 – 4 ขีด  โดยราคาขายเนื้ออ้นในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 6 แสน ถึง 6 แสน 5 หมื่นด่อง ต่อกก. ส่วนราคาขายพ่อแม่พันธุ์อยู่ที่ 8 แสนด่องต่อคู่ ส่วนราคาพ่อแม่พันธุ์อ้นที่คลอดลูกแล้วอยู่ที่ 2.5 ล้านด่องต่อคู่ ช่วยสร้างกำไรให้แก่ครอบครัวนาย โห่ง มากกว่า 100 ล้านด่องต่อปี

นาง บ่านถิเลียน เลขาธิการกองเยาวชนคอมมิวนิสต์โฮจิมินห์สาขาตำบลกี่เถื่อง อำเภอเมืองฮาลอง จังหวัดกว๋างนิงห์ เผยว่า แม้ติดงานกับการพัฒนาฟาร์มของตนเอง แต่นาย บ่านวันโห่ง ยังคงแบ่งเวลาเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์พัฒนาเศรษฐกิจให้แก่ชาวบ้าน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความสนใจประกอบธุรกิจสตาร์ทอัพ

“นาย บ่านวันโห่ง เป็นเยาวชนดีเด่นในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในท้องถิ่น พร้อมด้วยประสบการณ์มากมายในการเพาะเลี้ยงอ้น จนถึงปัจจุบัน ฟาร์มเลี้ยงอ้นของเขามีการพัฒนาเป็นอย่างดี โดยกองเยาวชนส่วนตำบลได้สร้างโมเดลธุรกิจตัวอย่างคือ รูปแบบการเพาะเลี้ยงอ้น รูปแบบการเพาะเลี้ยงไก่เตียนเอียน และรูปแบบการท่องเที่ยวชุมชน โดยกำหนดให้ 3 รูปแบบดังกล่าว เป็นรูปแบบหลักเพื่อการพัฒนาในช่วงเวลาข้างหน้า อีกทั้งแนะแนวให้บรรดาสมาชิกกองเยาวชนฯ ในพื้นที่ พยายามมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งในอนาคต”

ทั้งนี้ ด้วยความช่วยเหลือและสนับสนุนของนาย บ่านวันโห่ง จนถึงตอนนี้ มีบางครัวเรือนในตำบลได้เริ่มการพัฒนารูปแบบเพาะเลี้ยงอ้นเชิงพาณิชย์ เนื่องจากมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูงและมีตลาดรองรับ โดยโมเดลการเพาะเลี้ยงอ้นนั้น ยังเปิดโอกาสและแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ให้แก่กลุ่มผู้เลี้ยงปศุสัตว์ พร้อมมีส่วนช่วยต่อการแก้ไขปัญหาความยากจนและส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในจังหวัดกว๋างนิงห์ รวมถึงพื้นที่ตำบลเขตเขา กี่เถื่อง ในอนาคต./.