สถานประกอบการเวียดนามประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลเพื่อก้าวรุดหน้าต่อไป

(VOVWORLD) -การปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 และการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ได้เปิดทั้งโอกาสและความท้าทายให้แก่อาชีพต่างๆในเวียดนาม ซึ่งทุกหน่วยงานต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลงใหม่ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและระบบดิจิทัลเพื่อคงอยู่และพัฒนา ในฟอรั่มเศรษกิจเวียดนามปี 2022 ที่จัดโดยคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจส่วนกลาง ผู้แทนหลายคนได้แสดงความคิดเห็นว่า เวียดนามสามารถใช้โอกาสจากการเปลี่ยนแปลงใหม่เทคโนโลยีและการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อก้าวรุดหน้าถึงแม้ต้องเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดก็ตาม
สถานประกอบการเวียดนามประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลเพื่อก้าวรุดหน้าต่อไป - ảnh 1กลุ่มบริษัทโหลกเจ่ยส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการผลิต (VNA)
 
 

ในสภาวการณ์การพัฒนาของเทคโนโลยี สถานประกอบการหลายแห่งต้องเปลี่ยนแปลงอย่างเข้มแข็งเพื่อปรับตัวโดยเร็ว นับตั้งแต่ปี 2019 กลุ่มบริษัทโหลกเจ่ย ซึ่งเป็นบริษัทเดินหน้าสร้างสรรค์ห่วงโซ่มูลค่าการเกษตรอย่างยั่งยืนในเวียดนาม โดยได้มอบสมาร์ทโฟนนับพันเครื่องให้แก่เกษตรกรเพื่อส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการเชื่อมโยงระหว่างการผลิตกับการบริโภค ปัจจุบันนี้ ในกลุ่มบริษัทฯ ขั้นตอนถึงร้อยละ 80 ได้ใช้ซอฟแวร์ต่างๆ และโหลกเจ่ยก็เป็นบริษัทแรกที่ได้สร้างมาตรฐานคาร์บอนให้แก่ต้นข้าวเวียดนามและเป็นบริษัทเดียวของเวียดนามที่วางมาตรฐานคาร์บอนให้แก่ต้นข้าวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

การปรับเปลี่ยนดิจิทัลและการเปลี่ยนแปลงใหม่ด้านเทคโนโลยีไม่เพียงแต่ช่วยให้สถานประกอบการขยายขอบเขตการผลิตข้าวและรักษาเสถียรภาพในสองตลาดที่เก่าแก่คือฟิลิปปินส์และทวีปแอฟริกาเท่านั้น หากยังเพื่อสามารถเข้าถึงตลาดยุโรปอีกด้วย นาย เหงียนยวีถวน ผู้อำนวยการใหญ่ของกลุ่มบริษัท โหลกเจ่ย กล่าวว่า

“ในพื้นที่ปลูกข้าว 1 ล้านเฮกตาร์ของบริษัทฯ เรากำลังประยุกต์ใช้มาตรฐานที่อ๊อฟฟิสไม่ใช้เอกสาร ทุงนาไม่มีรองเท้า โดยเฉพาะในพื้นที่ปลูกข้าว 110,000 เฮกตาร์ในจังหวัดอานยาง เราได้ประยุกต์ใช้การผลิตที่ไม่ใช้เงินสดและในท้องถิ่นอีกบางแห่ง เราได้ทำแผนที่ดิจิทัลในการผลิตข้าว นี่คือขั้นตอนแรกในการสร้างสรรค์ทุ่งนาขนาดใหญ่เพื่อสร้างประสิทธิภาพในการผลิตเกษตรในขอบเขตที่กว้างใหญ่”

นาย เหงียนนามหาย อธิบดีกรมวางแผนและการเงินสังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ยืนยันว่า เมื่อเทียบกับ 10 ปีก่อน ยอดมูลค่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อการส่งออกได้เพิ่มจากร้อยละ 19 เป็นร้อยละ 50 ในระยะปัจจุบัน เพื่อสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงใหม่ให้แก่การลงทุนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการผลิตและเวียดนามยังมีศักยภาพสูงในด้านนี้เพื่อสร้างก้าวกระโดดและเปลี่ยนแปลงใหม่ในเวลาที่จะถึง            “เวียดนามได้สร้างนิมิตหมาย โดยเมื่อเร็วๆนี้ เราเห็นว่า ในจำนวนสถานประกอบการกว่า 3,000 แห่งที่เกี่ยวข้องถึงปัญหาการพัฒนากิจกรรมการเปลี่ยนแปลงนวัตกรรมระบบนิเวศสตาร์ทอัพ จำนวนเงินทุนต่อปีในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาได้บรรลุกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 3 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2017”

สถานประกอบการเวียดนามประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลเพื่อก้าวรุดหน้าต่อไป - ảnh 2นาย เหงียนหว่างยาง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (VGP)

นอกจากผลงานที่ได้บรรลุ เวียดนามกำลังสร้างกลไกและนโยบายที่เป็นรูปธรรมเพื่อส่งเสริมสถานประกอบการนำเข้าเทคโนโลยี โดยเฉพาะในด้านหลักๆ เพื่อประยุกต์ใช้ในการผลิตและประกอบธุรกิจเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง ดร. เจิ่นถิห่งมิงห์ หัวหน้าสถาบันวิจัยการบริหารเศรษฐกิจส่วนกลางได้เผยว่า นอกจากลงทุนในการเปลี่ยนแปลงใหม่เทคโนโลยีและปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล โดยเฉพาะก้าวกระโดดในด้านเทคโนโลยีแล้ว จำเป็นต้องมีความเชื่อมโยงอย่างพร้อมเพรียงเพื่อสร้างห่วงโซ่มูลค่า เพิ่มกำไร ลดค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศ นอกจากนี้ ตลาดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็ต้องมีความผสมผสานและพร้อมเพรียงกับตลาดสินค้า แรงงานและการเงิน สิ่งที่สำคัญคือนโยบายการเงินเพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงนวัตกรรมทั้งด้านภาครัฐและภาคเอกชน พร้อมทั้งผลักดันความร่วมมือระหว่างประเทศในกลไกพหุภาคี ดร. เจิ่นถิห่งมิงห์ แสดงความคิดเห็นว่า            “จากการเป็นสมาชิกขององค์กรพหุภาคีต่างๆและข้อตกลงการค้าเสรี นี่เป็นโอกาสที่ดีเพื่อให้เวียดนามมีบรรยากาศที่เอื้อเพื่อผลักดันการส่งออก ดิฉันอยากย้ำว่า เวียดนามจะมีโอกาสเข้าร่วมการสนทนาเพื่อมีความเปรียบมากขึ้นในการเป็นฝ่ายรุกเข้าร่วมห่วงโซ่อุปทาน”

ส่วนผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจหลายคนให้ข้อสังเกตว่า ในยุคชีวิตวิถีใหม่ปัจจุบัน นอกจากขยายความร่วมมืออย่างกว้างลึกและยกระดับห่วงโซ่มูลค่าให้แก่หน่วยงานหลักที่มีศักยภาพและความได้เปรียบแล้ว จำเป็นต้องสร้างก้าวกระโดดในด้านกลไกพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและเปลี่ยนแปลงนวัตกรรมเพื่อสร้างก้าวกระโดดให้แก่การผลิต คุณภาพ ประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการแข่งขัน ตอบสนองความต้องการเปลี่ยนแปลงใหม่รูปแบบการขยายตัว ฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งจำเป็นต้องผลักดันการลงทุนขั้นพื้นฐานให้แก่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเฉพาะการวิจัยเพื่อการพัฒนา ในสภาวการณ์ดังกล่าว เพื่อสามารถเข้าร่วมห่วงโซ่การผลิตโลกอย่างกว้างลึกมากขึ้นและสร้างประสิทธิภาพสูงในด้านเศรษฐกิจ จำเป็นต้องทำการเปลี่ยนแปลงใหม่มากมาย นาย เหงียนหว่างยาง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้แสดงความคิดเห็นว่า            “เวียดนามต้องเข้าร่วมและสนับสนุนกลไกพหุภาคีต่างๆอย่างเข้มแข็งและพิจารณากลไกต่างๆในกรอบเศรษฐกิจเพื่อค้ำประกันความเป็นฝ่ายรุกในการสนทนา มีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาระดับภูมิภาคเพื่อลดความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทานโลก นอกจากนี้ เพื่อปรับปรุงสถานะในห่วงโซ่อุปทาน จำเป็นต้องกำหนดความเร่งด่วนและการเป็นฝ่ายรุกของสถานประกอบการ โดยเฉพาะในการฝึกอบรมและการดึงดูดแหล่งบุคลากรที่มีคุณภาพสูงในด้านเทคโนโลยีและการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลเพื่อสนับสนุนห่วงโซ่ต่างๆ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์”

เวียดนามตั้งเป้าหมายว่า ถึงปี 2030 วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงนวัตกรรมจะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมหลัก โดยเน้นถึงอุตสาหกรรมแปรรูปและการผลิตเพื่อมีส่วนร่วมสำคัญต่อการปฏิรูปโครงสร้างของเศรษฐกิจตามแนวทางที่ทันสมัย พัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัย ในสภาวการณ์ดังกล่าว สถานประกอบการหลายแห่งพร้อมใช้โอกาสจากการปฏิวัติเทคโนโลยีและการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลเพื่อปรับตัวและก้าวรุดหน้าต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด