เครือข่ายประกอบธุรกิจแบบชุมชน – เชื่อมโยงเพื่อความสำเร็จ

(VOVWORLD) -ในยุคแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ปัจจุบัน คำว่า “เครือข่ายสังคม” และ “แพลตฟอร์มอี – คอมเมิร์ซ” ได้กลายเป็นคำศัพท์ที่คุ้นเคยของผู้บริโภค แต่อย่างไรก็ตาม เครือข่ายสังคมออนไลน์ส่วนใหญ่มีลักษณะเชื่อมโยงในชุมชนเท่านั้นและแพลตฟอร์มอี – คอมเมิร์ซมีข้อจำกัดในการทำธุรกรรม ดังนั้น เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าวของทั้งเครือข่ายสังคมออนไลน์และแพลตฟอร์มอี – คอมเมิร์ซ ได้มีการเปิดตัวเครือข่ายสังคมออนไลน์ Vibook โดยมีรูปแบบคือเครือข่ายประกอบธุรกิจแบบชุมชน ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก
เครือข่ายประกอบธุรกิจแบบชุมชน – เชื่อมโยงเพื่อความสำเร็จ - ảnh 1นาย เหงียนเหงียะเหวือง ประธานกรรมการบริหารและผู้อำนวยการบริษัท Vibook Group (kinhtedothi.vn)

จากความประสงค์ที่จะช่วยให้สถานประกอบการทุกแห่งมีเครื่องมือปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลและประชาชนร้อยละ 80 สามารถสร้างสรรค์สถานประกอบการสตาร์ทอัพดิจิทัลในยุคดิจทัล เครื่อข่ายสังคมออนไลน์ Vibook จะสนับสนุนสถานประกอบการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลผ่านเทคนิคที่มีราคาไม่แพงแต่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่ง Vibook ปฏิบัติตามรูปแบบ “ all in one” โดยมีทั้งเครือข่ายสังคมออนไลน์ มีแพลตฟอร์มอี – คอมเมิร์ซ ระบบ chat OTT เว็บหาข้อมูลและซอฟต์แวร์สำหรับการจำหน่าย เพื่อมุ่งสู่การเอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่มคือ ชุมชน เกษตรกรและสถานประกอบการ นาย แกว๊กวันหาย หัวหน้าแผนกประกอบธุรกิจของ Vibook Group เผยว่า

“ผู้ที่ใช้ Vibook จะได้รับประสบการณ์ในการเป็นนักธุรกิจอิสระ ซึ่งไม่ต้องใช้แพลตฟอร์มอี – คอมเมิร์ซอื่น หากสามารถขายสินค้าด้วยตนเองผ่านเทคโนโลยีที่จัดสรรโดย Vibook พร้อมทั้งโพสภาพถ่ายผลิตภัณฑ์และเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง สำหรับสถานประกอบการดิจิทัล Vibook ได้สร้างสรรค์ระบบนิเวศที่สะดวกมากที่สุดให้แก่การบริหารและการดำเนินการแบบอัตโนมัติเพื่อมุ่งสู่งมาตรฐานของยุค 5.0 ในอนาคต”

Vibook ให้บริการด้านซอฟต์แวร์และสำหรับจัดทำเว็บไซต์ให้แก่สถานประกอบการที่มีความต้องการในการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล อี – คอมเมิร์ซ เครือข่ายสังคมออนไลน์ การติดต่อ การค้าขายและการประชาสัมพันธ์แบบออนไลน์ บนแพลตฟอร์ม Vibook ผู้ใช้จะได้ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ ไปพร้อมๆกับการขายของออนไลน์และรับเงินจากการพัฒนาธุรกิจผ่าน Vibook เช่น เงินกำไรจากการโฆษณาและการแบ่งผลิตภัณฑ์กับสถานประกอบการอื่นๆ รวมทั้งมีสิทธิ์ใช้ระบบนิเวศใน Vibook นี่คือความแตกต่างระหว่าง Vibook กับเครือข่ายสังคมออนไลน์อื่นๆ เช่น Facebook Zalo และแพลตฟอร์มอี – คอมเมิร์ซ เช่น Amazon Lazada และ Shopee เป็นต้น นาง ฝ่ามถิเอี๊ยน ผู้ใช้งานคนหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า Vibook มีซอฟต์แวร์ขายสินค้า ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคเป็นอย่างมาก นี่คือแพลตฟอร์มที่จัดทำและพัฒนาโดยคนเวียดนาม ทำให้เรารู้สึกปลอดภัยมาก”

ปัจจุบันนี้ Vibook กำลังสนับสนุนประชาชนในท้องถิ่นต่างๆ เสนอผลิตภัณฑ์การเกษตรของเวียดนามผ่านระบบดิจิทัลพร้อมกับกระบวนการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลของประเทศและโลก นาย บุ่ยก๊วกเหลิบ เจ้าของสถานประกอบการสวนแห่งสีเขียวกล่าวว่า “ในช่วงก่อน เราเป็นสถานประกอบการธรรมดา แต่หลังจากที่รู้จัก Vibook เราได้มีความคิดใหม่ นั่นคือวิธีการประกอบธุรกิจที่แบ่งประโยชน์และกำไร ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างได้รับประโยชน์ ก่อนที่เข้าร่วม Vibook เราขายสินค้าได้ในท้องถิ่นของเราเท่านั้น แต่หลังจากที่ใช้มาตรการแบ่งกำไรและระบบมาร์เกตติ้งของ Vibook เราสามารถขายสินค้าได้กว้างขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากเราให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าในการดูแลต้นไม้ เราสามารถขายปุ๋ย ซึ่งปุ๋ยนี้เป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทอื่นแต่เรายังคงได้รับการแบ่งกำไรจากบริษัทนั้น นี่คือเรื่องที่ดีมากเมื่อเราร่วมมือกับ Vibook”

Vibook เป็นรูปแบบเครือข่ายสังคมออนไลน์สำหรับการประกอบธุรกิจ ซึ่งแตกต่างจากเครือข่ายสังคมออนไลน์อื่นๆที่มีเป้าหมายเชื่อมโยงและติดต่อสื่อสารเท่านั้น ดังนั้น Vibook จึงมุ่งเป้าสู่การเชื่อมโยงผู้คนและการธุรกรรมในทุกแพลตฟอร์มและแบ่งผลประโยชน์ให้แก่ผู้ใช้ เป็นระบบนิเวศร่วม ไม่มีการจำกัดในการหาเพื่อนและการติดต่อ เป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีอารยธรรมและเป็นทางการ นาย เหงียนเหงียะเหวือง ประธานกรรมการบริหารและผู้อำนวยการบริษัท Vibook Group เผยว่า “ในขณะที่สนับสนุนสถานประกอบการในการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล เราเน้นถึงมาตรการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางสื่อสารมวลชนและการขายสินค้า เพื่อช่วยให้สถานประกอบการสามารถประชาสัมพันธ์เครื่องหมายการค้าและผลิตภัณฑ์ได้อย่างกว้างขวาง ในแพลตฟอร์มนี้ เราใช้เครื่องมือประชาสัมพันธ์แบบเชื่อโยง ซึ่งสถานประกอบการไม่ต้องขายสินค้าเอง แต่จะมีผู้มาช่วยสถานประกอบการขายสินค้าและสถานประกอบการไม่ต้องจ่ายเงินเดือนให้แก่พวกเขา มาตรการนี้จะช่วยให้สถานประกอบการลดค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและพนักงานได้ถึงร้อยละ 95”

ใน Vibook ประชาชนสามารถเข้าร่วมการขายสินค้าให้แก่สถานประกอบการเพื่อมีรายได้ผ่านการใช้ affiliate marketing สร้างรูปแบบการประกอบธุรกิจแบบ B2B และ C2C ควบคู่กันนั้น Vibook กำลังขยายผลไปยังท้องถิ่นต่างๆทั่วประเทศโดยตั้งเป้าไว้ว่า แต่ละท้องถิ่นจะมีบริษัทหนึ่งแห่งที่เป็นศูนย์ฝึกอบรมให้ประชาชนในจังหวัดนั้นสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มนี้โดยเร็วที่สุดเพื่อสามารถประกอบธุรกิจและประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ต่างๆผ่านระบบดิจิทัลโดยไม่ต้องมีคนกลางเพื่อทำการค้าขาย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด