จังหวัดบ่าเหรียะ หวุงเต่า คัดเลือกการดึงดูดการลงทุนและให้ความสนใจถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

(VOVWORLD) - จากแนวทางและความมุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจแต่ต้องแลกกับสิ่งแวดล้อม ในหลายปีที่ผ่านมา จังหวัดบ่าเหรียะ หวุงเต่าได้ดึงดูดการลงทุนโดยให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

จังหวัดบ่าเหรียะ หวุงเต่า คัดเลือกการดึงดูดการลงทุนและให้ความสนใจถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม - ảnh 1พื้นที่ส่วนหนึ่งในเขตนิคมอุตสาหกรรมฟู้หมี 3 (TTXVN)
 
 

จนถึงปลายเดือนธันวาคมปี 2024 จังหวัดบ่าเหรียะ หวุงเต่า สามารถดึงดูดโครงการลงทุนใหม่ 57 แห่ง รวมยอดเงินลงทุนกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ที่น่าสนใจคือ โครงการลงทุนใหม่เหล่านี้ต่างได้รับการคัดเลือกอย่างรอบคอบ สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาของจังหวัดและไม่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม นาย เหงวียนกงวิงห์ รองประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดบ่าเหรียะ หวุงเต่า ได้เผยว่า

“เป้าหมายของจังหวัดฯ คือพัฒนาอุตสาหกรรมให้ทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ค้ำประกันบรรลุเป้าหมาย NetZero ภายในปี 2050 ตามแผนที่วางไว้ของรัฐบาลเวียดนาม ในฐานะเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจทางทะเล โดยเฉพาะมีระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์และมีความได้เปรียบต่างๆ จังหวัดบ่าเหรียะ หวุงเต่า คือจุดหมายปลายทางของนักลงทุนหลายๆ ราย”

นับตั้งแต่ช่วงต้นปีใหม่ 2024 หนึ่งในนักลงทุนรายใหญ่แรก ๆ ที่ได้เข้ามาลงทุนในจังหวัดบ่าเหรียะ หวุงเต่า คือเครือบริษัท Hyosung ของสาธารณรัฐเกาหลีด้วยโครงการผลิต HVO ที่ใช้เงินลงทุนเกือบ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นโครงการลำดับที่ 3 ที่เครือบริษัทแห่งนี้ได้ลงทุนในจังหวัดบ่าเหรียะ หวุงเต่า รวมยอดเงินลงทุนกว่า 1.66 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเน้นในการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงทางเลือกสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมการบินซึ่งช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้ร้อยละ 73-84 เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงปรกติ

HVO เป็น 1 ใน 57 โครงการลงทุนในปีนี้ตามแนวทางมีการคัดเลือกในการดึงดูดนักลงทุน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง อุตสาหกรรมแห่งสีเขียว อุตสาหกรรมและพลังงานหมุนเวียนที่เชื่อมโยงกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของจังหวัดบ่าเหรียะ หวุงเต่า นอกจาก HVO ยังมีโครงการที่น่าสนใจของนักลงทุนจากประเทศอื่นๆ เช่น โรงงานผลิตอุปกรณ์อัจฉริยะของเครือบริษัท BOE ประเทศจีน โครงการผลิตแผงวงจรในเขตนิคมอุตสาหกรรม Sonadezi ของเครือบริษัท Tripob เป็นต้น นาย เลหงอกลิงห์ ผู้อำนวยการสำนักงานวางแผนและการลงทุนจังหวัดบ่าเหรียะ หวุงเต่า เผยว่า การเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจคือการปรับเปลี่ยนอาชีพที่ดึงดูดการลงทุน

“ ในการดึงดูดการลงทุน ทางการจังหวัดตระหนักได้ดีว่า ต้องมีการคัดเลือก โดยจะเลือกโครงการขนาดใหญ่ ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและไม่ใช้แรงงานมากเกินไป ทางการจังหวัดฯ จะเดินพร้อมกับสถานประกอบการทั้งภายในและต่างประทศเพื่อค้ำประกันให้การลงทุนนั้นมีประสิทธิภาพมากที่สุด”

การปรับเปลี่ยนการดึงดูดเงินลงทุนเอฟดีไอโดยมีการคัดเลือกนั้นได้ช่วยให้จังหวัดบ่าเหรียะ หวุงเต่า ค่อยๆ บรรลุเป้าหมายการขยายตัวแห่งสีเขียวและยั่งยืน โดยสามารถสร้างสรรค์ระบบนิเวศแห่งสีเขียวและมีการขยายผล เช่น โครงการกลั่นน้ำมัน ลองเซิน LNG ถิหวาย เป็นต้น ซึ่งในเขตนิคมอุตสาหกรรมฟู้หมี 3 สามารถตอบสนองมาตรฐานของตัวเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เขตนิคมอุตสาหกรรมแห่งสีเขียวและเศรษฐกิจหมุนเวียนได้เกือบทั้งหมด ซึ่งผลสำเร็จนี้ก็มีส่วนร่วมจากความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์และการสนับสนุนอย่างเต็มที่ของสถานประกอบการ นาง เหงียนถิถาวญี ประธานบริหารบริษัทหุ้นส่วน แทงบิ่งห์ ฟูหมี กล่าวว่า

“ ผู้บริหารจังหวัดฯ ได้ตั้งเป้าหมายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยสร้างความกลมกลืนกับผลประโยชน์ของสถานประกอบการที่ประกอบธุรกิจในท้องถิ่น ซึ่งเป็นแนวทางที่ถูกต้องและเรากำลังปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าว”

จังหวัดบ่าเหรียะ หวุงเต่า คัดเลือกการดึงดูดการลงทุนและให้ความสนใจถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม - ảnh 2นาย เหงวียนกงวิงห์ รองประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดบ่าเหรียะ หวุงเต่า (TTXVN)

ในเวลาที่จะถึง ทางการจังหวัดฯ จะธำรงมาตรฐานที่เข้มงวดในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและใช้ที่ดินในเขตนิคมอุตสาหกรรมเพื่อดึงดูดการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป โดยในยุทธศาสตร์พัฒนาของจังหวัดฯ จะให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ ถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมสะอาด เทคโนโลยีขั้นสูงและพลังงานหมุนเวียนต่อไป นาย เหงวียนกงวิงห์ รองประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดบ่าเหรียะ หวุงเต่า ยืนยันว่า

“ แนวทางการพัฒนาของจังหวัดฯ คือเน้นพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป สำหรับโครงการที่ขอเข้ามาลงทุน  เราจะคัดเลือกโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและไม่ใช้แรงงานมากเกินไป สามารถยืนยันได้ว่า ปัจจุบันนี้ บ่าเหรียะ หวุงเต่า กำลังพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยเป้าหมายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม”

ปี 2024 จังหวัดบ่าเหรียะ หวุงเต่าเป็นหนึ่งในท้องถิ่นนำหน้าของประเทศในการดึงดูดเงินทุนเอฟดีไอ โดยแหล่งเงินลงทุนใหม่ของนักลงทุนที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยนับวันเพิ่มมากขึ้น และมีหลายโครงการที่มีเงินทุนนับพันล้านดอลลาร์สหรัฐได้ช่วยเชื่อมโยงจังหวัดฯ กับระบบลงทุนระหว่างประเทศของเครือบริษัทใหญ่ๆ ระดับโลก เช่น เครือบริษัท Hyosung เครือบริษัท Samsung และเครือบริษัท CJ ของสาธารณรัฐเกาหลี เครือบริษัท Austal ของออสเตรเลียและเครือบริษัท Marubeni ของญี่ปุ่น เป็นต้น ซึ่งช่วยให้จังหวัดบ่าเหรียะ หวุงเต่า กลายเป็นหนึ่งในท้องถิ่นที่เป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญของเขตตะวันออกตอนใต้ เป็นศูนย์กลางเศษฐกิจทางทะเลของประเทศและมุ่งสู่การบรรลุมาตรฐานการเป็นนครสังกัดส่วนกลางในขั้นพื้นฐานภายในปี 2030.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด