บ่าเหรียะหวุงเต่าพัฒนาเศรษฐกิจพร้อมกับการปกป้องอธิปไตยเหนือทะเลและหมู่เกาะ

(VOVWORLD) - จากการตั้งอยู่ในเขตริมฝั่งทะเลและเขตเศษฐกิจหลักของภาคใต้เวียดนาม เป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งสำคัญของเขตตะวันออกภาคใต้ เขตทะเลบ่าเหรียะหวุงเต่าจึงมีบทบาทสำคัญในภารกิจการสร้างสรรค์และพิทักษ์รักษาปิตุภูมิ เพื่อปฏิบัติ “ยุทธศาสตร์ทะเลเวียดนามถึงปี 2020” ซึ่งทางการจังหวัดฯได้เน้นพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเลพร้อมกับการปกป้องอธิปไตยเหนือทะเลและหมู่เกาะแห่งชาติ
บ่าเหรียะหวุงเต่าพัฒนาเศรษฐกิจพร้อมกับการปกป้องอธิปไตยเหนือทะเลและหมู่เกาะ - ảnh 1นายเหงียนห่งหลิง เลขาธิการจังหวัดบ่าเหรียะ หวุงเต่า (news.zing.vn

จากการมีฝั่งทะเลยาวกว่า 150 ก.ม. จังหวัดบ่าเหรียะหวุงเต่ามีความได้เปรียบในการพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเล โดยควบคู่กับการส่งเสริมการสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลี่ยม ทางการจังหวัดฯก็พยายามใช้ศักยภาพทางทะเลให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อพัฒนาเป็นท่าเรือน้ำลึกระดับภูมิภาคและเป็นเขตจับปลาขนาดใหญ่ของประเทศ นายเหงียนห่งหลิง เลขาธิการจังหวัดบ่าเหรียะ หวุงเต่าเผยว่า           “จังหวัดบ่าเหรียะ หวุงเต่ากำลังสร้างสรรค์ระบบเศรษฐกิจใหม่ๆ นอกเหนือจากปิโตรเลี่ยม เพราะรายได้จากปิโตรเลี่ยมที่สมทบเข้างบประมาณของจังหวัดนับวันน้อยลง แม้ยังเป็นหน่วยงานกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจแต่ปิโตรเลี่ยมจะไม่ใช่เสาหลักทางเศรษฐกิจเดียวเหมือนในอดีต โดยในปัจจุบัน ทางการจังหวัดฯ ได้กำหนด 4 ด้านเศรษฐกิจใหม่ รวมถึงเศรษฐกิจทางทะเลที่จะครอบคลุมการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัด”

จากการตระหนักได้ดีเกี่ยวกับศักยภาพของเศรษฐกิจทางทะเล ทางการจังหวัดฯได้เน้นลงทุนพัฒนาระบบท่าเรือ ถิหวาย ก๊ายแม๊บให้เป็นท่าเรือขนส่งสินค้าระดับนานาชาติโดยดึงดูดเงินทุนเพื่อก่อสร้างศูนย์โลจิสติกส์ก๊ายแม๊บหะบนพื้นที่ 800 เฮกตาร์เพื่อสนับสนุนระบบท่าเรือขนส่งนานาชาติในจังหวัด

ในระหว่างการเยือนจังหวัดบ่าเหรียะ หวุงเต่าเมื่อเร็วๆนี้ นายกรัฐมนตรีเหงียนซวนฟุ๊กได้กำชับให้ทางการจังหวัดต้องยกระดับระบบท่าเรือให้พัฒนาเทียบเท่าท่าเรือของประเทศอื่นๆในภูมิภาคและโลกเพื่อมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งต่อการพัฒนาของประเทศ        “บ่าเหรียะ หวุงเต่ามีระบบท่าเรือขนส่งนานาชาติ โดยเฉพาะท่าเรือ ก๊ายแม๊บเป็นหนึ่งใน19 ท่าเรือที่สามารถรองรับเรือขนาดใหญ่ขนาด 200 ตัน โดยความได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์ของท่าเรือจังหวัดบ่าเหรียะ หวุงเต่าจะไม่ใช่แข่งขันกับท่าเรืออื่นๆของเวียดนามหากต้องมีขีดความสามารถเพื่อแข่งขันกับท่าเรือของประเทศอื่นๆ เช่น สิงคโปร์”

ในเวลาที่ผ่านมา หน่วยงานประมง เพาะเลี้ยง แปรรูปและจัดการโลจิสติกส์ด้านประมงได้มีส่วนร่วมเป็นอย่างมากต่อการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจของจังหวัด และนอกจากนั้นทางจังหวัดก็ให้ความสนใจพัฒนาระบบโลจิสติกส์ทางทะเลเพื่อสนับสนุนการทำประมงในเขตน้ำลึก

เพื่อเพิ่มมูลค่าและการใช้ประโยชน์จากสัตว์น้ำ ทางการจังหวัดฯได้จัดทำกลไกและนโยบายสนับสนุนองค์กรและบุคคลให้ลงทุนพัฒนาในด้านนี้ เช่น นโยบายให้ดอกเบี้ยพิเศษ นโยบายสนับสนุนการเปลี่ยนอาชีพและนโยบายให้สิทธิพิเศษสำหรับสหกรณ์ เป็นต้น ควบคู่กันนั้นทางการจังหวัดฯ ยังส่งเสริมการบริหารทรัพยากรการจับปลาในเขตน้ำลึก ควบคุมการจับปลาอย่างผิดกฎหมายในเขตทะเลที่อยู่ในอธิปไตยของประเทศอื่นพร้อมกับการปกป้องอธิปไตยเหนือทะเลและหมู่เกาะของปิตุภูมิ ซึ่งนโยบายเหล่านี้ได้ช่วยให้ชาวประมงมีความมั่นใจ เพิ่มรายได้และมีส่วนร่วมปกป้องอธิปไตยเหนือหมู่เกาะและทะเลของประเทศมากขึ้น            “สำหรับชาวประมง เรือประมงและทะเลเสมือนเลือดเนื้อของเราเอง เป็นแหล่งหล่อเลี้ยงชีวิตเราจากรุ่นสู่รุ่น เราจึงรักทะเลมากและทะเลอยู่ในหัวใจของพวกเราตลอดไป ในตลอด 30 ปีที่ทำอาชีพประมงล ผมถือเรือและทะเลคือบ้าน ผมเกิดและเติบโตมากับอาชีพประมงครอบครัวของผมทำอาชีพนี้มาหลายรุ่นแล้ว อาจกล่าวได้ว่า สมบัติของเราคือทะเล ดังนั้นนอกจากจับปลาเพื่อเลี้ยงครอบครัวแล้ว เราก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ปกป้องทะเล ปกป้องปิตุภูมิของเรา”

จากการตระหนักได้ดีถึงแนวทางของพรรคและรัฐเกี่ยวกับการส่งเสริมการปกป้องอธิปไตยเหนือทะเลและหมู่เกาะของปิตุภูมิ ทางการจังหวัดบ่าเหรียะ หวุงเต่าได้ส่งเสริมการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับความมั่นคงทางทะเลให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องทำงานบนทะเล การประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกองกำลังต่างๆ การประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักได้ดีเกี่ยวกับหน้าที่ปกป้องอธิปไตยเหนือหมู่เกาะและทะเลคือพื้นฐานให้ทางการจังหวัดใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่จากทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและปฏิบัติยุทธศาสตร์กลาโหมและความมั่นคงทางทะเลและหมู่เกาะอย่างมีประสิทธิภาพ.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด