ร่วมมือกับสถานประกอบการเวียดนามโพ้นทะเลเพื่อใช้ประโยชน์จากข้อตกลงอีวีเอฟทีเอได้อย่างเต็มที่
Anh Huyen - VOV5 -  
(VOVWORLD) - ข้อตกลงการค้าเวียดนาม – สหภาพยุโรปหรืออีวีเอฟทีเอได้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมปี 2020 ซึ่งเพื่อได้รับประโยชน์จากข้อตกลงฉบับนี้อย่างเต็มที่ ชมรมนักธุรกิจและสถานประกอบการเวียดนามโพ้นทะเล ซึ่งมีความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดและมีประสบการณ์ในการประกอบธุรกิจในประเทศต่างๆถือเป็นแหล่งพลังและสะพานเชื่อมที่สำคัญเพื่อช่วยให้สถานประกอบการใช้โอกาสจากอีวีเอฟทีเอให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ข้าวเวียดนามเข้าตลาดยุโรป (Photo baocongthuong) |
สหภาพยุโรปเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีประชากรประมาณ 500 ล้านคนโดยมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศประมาณ 18 ล้านล้านเหรียญสหรัฐต่อปี เป็นคู่ค้าสำคัญอันดับที่สองของเวียดนาม ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจหลายคนประเมินว่า อียูเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงสำหรับสินค้าส่งออกของเวียดนาม เป็นโอกาสสำหรับทั้งสถานประกอบการขนาดใหญ่ ขนาดกลางและขนาดย่อม นาย เหงียนหงอกเจี๋ยว รองนายกสมาคมนักธุรกิจเวียดนามในประเทศรัสเซียกล่าวว่า “สินค้าเวียดนามนับวันได้รับความนิยมในตลาดอียูมากขึ้นเนื่องจากมีคุณภาพดี นี่คือผลจากการที่เวียดนามลงนามข้อตกลงเอฟทีเอฉบับต่างๆ แต่ถึงกระนั้น ในเวลาที่ผ่านมา เรายังมีปัญหาที่ต้องแก้ไข นั่นคือสินค้าที่ส่งออกไปยังตลาดรัสเซียส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบ การระบุแหล่งกำเนิดสินค้าส่วนใหญ่ใช้ชื่อของบริษัทใหญ่ๆของรัสเซีย ดังนั้น สถานประกอบการเวียดนามควรมีส่วนร่วมมากขึ้นในห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตไปจนถึงขั้นตอนการขายสินค้าถึงมือของผู้บริโภค หวังว่าอีวีเอฟทีเอจะช่วยให้สถานประกอบการเวียดนามเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและยี่ห้อสินค้าต่างๆของเวียดนามสามารถเจาะตลาดทั่วโลก”
การที่อีวีเอฟทีเอมีผลบังคับใช้ถือเป็นพลังขับเคลื่อนให้แก่การส่งออกของเวียดนาม สร้างความหลากหลายให้แก่ตลาดและสินค้าส่งออก โดยเฉพาะสินค้าการเกษตรและสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นสินค้าที่เวียดนามมีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลก
นาย หว่างซวนบิ่งห์ นายกสมาคมสถานประกอบการเวียดนามในโปแลนด์ (Photo bocongthuong) |
ปัจจุบัน ชุมชนชาวเวียดนามโพ้นทะเลในยุโรปมีประมาณ 1 ล้านคน โดยเป็นนักธุรกิจและผู้ประกอบการนับหมื่นคน และในช่วงเวลาที่ผ่านมา สถานประกอบการของชาวเวียดนามโพ้นทะเลก็ได้ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือสถานประกอบการภายในประเทศเพื่อแสวงหาโอกาสลงทุนและขยายการประกอบธุรกิจในตลาดโลก โดยเฉพาะในตลาดยุโรป สถานประกอบการเวียดนามในยุโรปมีความได้เปรียบคือเป็นสะพานเชื่อมที่มีความเข้าใจตลาด ภาษาและกฎหมายของประเทศยุโรปเป็นอย่างดี ดังนั้น เพื่อผลักดันการส่งออกไปยังตลาดอียู นาย หว่างซวนบิ่งห์ นายกสมาคมสถานประกอบการเวียดนามในโปแลนด์ได้แสดงความคิดเห็นว่า "สถานประกอบการภายในประเทศต้องผลิตสินค้าตามมาตรฐานของอียู สร้างสรรค์เครื่องหมายการค้าและเป็นฝ่ายรุกในการเจาะตลาดอียูในขณะที่ประเทศอื่นๆยังไม่ลงนามเอฟทีเอกับอียู สองคือ ต้องมีแผนความร่วมมืออย่างยั่งยืนกับสถานประกอบการเวียดนามโพ้นทะเลเพื่อมีความเข้าใจเกี่ยวกับตลาด ทำการประชาสัมพันธ์และส่งสินค้าไปจำหน่ายสินค้าในตลาดอียู สร้างสรรค์รูปแบบโลจิตสติกส์และสนับสนุนการนำเข้าและส่งออกอย่างมีประสิทธิภาพ"
บรรดาสถานประกอบการเวียดนามโพ้นทะเลให้ข้อสังเกตว่า บรรดาประเทศอียูมีวัฒนธรรมการทำธุรกรรมแตกต่างกับเอเชีย ซึ่งมักจะให้ความสนใจถึงข้อมูลด้านการเงิน ทักษะความสามารถในการผลิตของสถานประกอบการ ดังนั้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การอัพเดทข้อมูล ความต้องการและกระแสความนิยมของตลาดอียู การเชื่อมโยงระหว่างสถานประกอบการเวียดนามกับสถานประกอบการเวียดนามโพ้นทะเลและบรรดาผู้เชี่ยวชาญเวียดนามที่ทำงานในอียูคือเรื่องที่สำคัญ นาย หวอวันลอง นายกสมาคมสถานประกอบการเวียดนามในเยอรมนีแสดงความคิดเห็นว่า " เรามีความปรารถนาว่า จะใช้โอกาสจากอีวีเอฟทีเอและประสานงานกับสถานประกอบการภายในประเทศในการนำเข้าและส่งออกสินค้าที่ได้รับความนิยมในอียู เช่น รองเท้า เครื่องจักร เภสัชภัณฑ์ เป็นต้น"
จากการเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับชาวเวียดนามโพ้นทะเล สินค้าเวียดนามหลายรายการนับวันสามารถเจาะตลาดยุโรปได้มากขึ้น ซึ่งได้รับความนิยมและมีส่วนช่วยประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมเวียดนาม เช่น ชุดอ๊าวหญ่ายของนางงาม หงอกเฮิน "ในหลายปีที่ผ่านมา ดิฉันมีโอกาสไปพบปะแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมในยุโรป ทำให้เราได้มีโอกาสออกแบบและตัดชุดอ๊าวหญ่ายให้แก่ภริยาของเอกอัคคราชทูตหลายท่าน รวมทั้งเข้าร่วมงานนิทรรศการต่างๆเพื่อแนะนำความงามของชุดอ๊าวหญ่ายเวียดนามในต่างประเทศ ฉันได้ติดต่อกับชาวเวียดนามโพ้นทะเลเพื่อจัดตั้งกลุ่มคนรักชุดอ๊าวหญ่ายเวียดนาม"
เวียดนามได้เจรจาและลงนามข้อตกลงการค้าเสรีฉบับต่างๆ รวมทั้งอีวีเอฟทีเอที่เปิดโอกาสมากมายให้แก่สถานประกอบการเวียดนามทั้งภายในและต่างประเทศ นี่เป็นตลาดใหญ่ที่ไม่มีข้อจำกัดแต่มีความท้าทายและมีบรรยากาศการแข่งขันที่เข้มข้น ดังนั้น สถานประกอบการเวียดนามต้องสร้างความเชื่อมโยงกับนักธุรกิจและสถานประกอบการโพ้นทะเลอย่างใกล้ชิดเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและใช้โอกาสจากข้อตกลงอีวีเอฟทีเอได้อย่างเต็มที่./.
Anh Huyen - VOV5