หนึ่งในจุดเด่นและนิมิตรหมายในการพัฒนาเศรษฐกิจของเวียดนามในปี 2016 คือการที่รัฐบาลเน้นแก้ไขอุปสรรค์ของสถานประกอบการในการผลิตและประกอบธุรกิจเพื่อส่งเสริมการขยายตัวด้านเศรษฐกิจ โดยนายกรัฐมนตรีได้ประกาศใช้มติที่ 35 เกี่ยวกับการสนับสนุนและพัฒนาสถานประกอบการจนถึงปี 2020 ซึ่งในปี 2016 เวียดนามได้มีสถานประกอบการใหม่กว่า 1 แสนแห่ง ถึงแม้อัตราการจีดีพีในปี 2016 ยังไม่บรรลุเป้าหมายที่รัฐสภาวางไว้คือร้อยละ 6.7 แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญก็ได้ให้ข้อสังเกตว่า ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกซบเซา เศรษฐกิจภายในประเทศประสบอุปสรรค์มากมายเนื่องจากสภาพภูมิอากาศแปรปรวนและปัญหาสิ่งแวดล้อมทางทะเล การบรรลุอัตราการขยายตัวจีดีพีที่ร้อยละ 6.21 ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ นาย ห่ากวางเตวี๊ยน อธิบดีกรมระบบบัญชีแห่งชาติสังกัดทบวงสถิติได้เผยว่า“นับเป็นครั้งแรกที่การขยายตัวด้านเศรษฐกิจของเวียดนามอยู่ในระดับสูงโดยไม่ต้องอาศัยการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ และมีความได้เปรียบดุลการค้า ส่วนการบริหารนโยบายด้านการเงินและอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศก็มีประสิทธิภาพ ดังนั้น การสำรองเงินตราต่างประเทศจึงทำสถิติสูงสุดใหม่ ส่วนภาวะเงินเฟ้อก็ได้รับการควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพ”

 ในปี 2017 เวียดนามตั้งเป้าหมายจะพยายามบรรลุอัตราการขยายตัวจีดีพีที่ร้อยละ 6.7 ควบคุมภาวะเงินเฟ้อให้อยู่ที่ตํ่ากว่าร้อยละ 4และคํ้าประกันการจัดสรรค์งบประมาณแผ่นดินทั้งในระดับส่วนกลางและท้องถิ่น โดยบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจได้เผยว่า เวียดนามมีจุดแข็งมากมายและมีความได้เปรียบเมื่อเทียบกับประเทศต่างๆในภูมิภาค เช่น ความมีเสถียรภาพทางการเมือง เศรษฐกิจมหภาคและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมีแนวโน้มพัฒนาอย่างมีเสถียรภาพ ส่วนการบังคับใช้กฎหมายการลงทุนสาธารณะจะมีส่วนช่วยให้โครงการลงทุนต่างๆสามารถเบิกจ่ายเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ รองศาสตราจารย์ ดร.ฝ่ามเติ๊ดทั้ง นักวิจัยจากสถาบันการค้าแห่งกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมได้เผยว่า“ในปี 2017 จะมีการสร้างโอกาสมากมายให้แก่การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีข้อตกลงการค้าเสรีหลายฉบับมีผลบังคับใช้ ซึ่งถ้าหากเราใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพเศรษฐกิจเอเชีย-ยุโรป สหภาพยุโรป ญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลีก็จะช่วยผลักดันการส่งออก นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์บางรายการ เช่น ผักและผลไม้ก็ได้เริ่มส่งออกไปยังตลาดที่มีความต้องการผลิตภัณฑ์เกษตรที่มีคุณภาพสูง เช่น สหรัฐและญี่ปุ่น”

อาจกล่าวได้ว่า เศรษฐกิจเวียดนามในปี 2017 มีแนวโน้มที่สดใสมากขึ้นเนื่องจากการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจและการปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนเพื่อสร้างพลังขับเคลื่อนใหม่ให้แก่การพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชน โดยในการประชุมวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ระหว่างรัฐบาลกับท้องถิ่นต่างๆเกี่ยวกับการปฏิบัติแผนการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและร่างงบประมาณแผ่นดินปี 2017 นาย เหงวียนซวนฟุก นายกรัฐมนตรีได้ชี้ชัดว่า รัฐบาลจะเน้นรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาค กระตุ้นการขยายตัวด้านเศรษฐกิจให้อยู่ในระดับสูงควบคู่กับการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ ยกระดับผลผลิตและขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจ ตลอดจนผลักดันการแปรสถานประกอบการภาครัฐให้เป็นบริษัทหุ้นส่วน ให้าการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชนและส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัพ.