“ผมขอเล่าเกี่ยวกับลูกหม่อนที่บ้านของผมสู่กันฟัง“
(VOVWORLD) - สวัสดีครับผู้จัดทำรายการภาคภาษาไทยทุกท่าน สืบเนื่องจากรายการตอบจดหมายครั้งที่แล้ว ได้กล่าวถึงลูกหม่อนหนึ่งในผลไม้หน้าร้อนที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เลยอยากจะเล่าเกี่ยวกับลูกหม่อนที่บ้านของผมสู่กันฟัง
คุณยายของผมปลูกต้นหม่อนไว้เลี้ยงหนอนไหมจำนวนหลายต้นเราเรียกสวนหม่อน ทุกวันคุณยายจะไปเก็บใบหม่อนที่สวนแล้วหาบกลับบ้านเพื่อเลี้ยงหนอนไหม ซึ่งมีหลายวัยเลี้ยงในกระด้งไม้ไผ่ ห่อด้วยผ้าหลังให้กินใบหม่อน วันละครั้งหลังอาหารเย็น คุณยายบอกว่าห่อผ้าไว้กันแมลงวันวางไข่ที่ตัวหนอนไหม
การเลี้ยงหนอนไหม เริ่มตั้งแต่เอาผีเสื้อพ่อแม่ผสมพันธุ์กันใช้จานคว่ำไว้แต่ละคู่เพื่อให้วางไข่เป็นวงกลม เมื่อไข่ฟักเป็นตัวหนอนให้อาหารเป็นใบหม่อนหั่นละเอียดเหมือนยาสูบ โตขึ้นหน่อยก็หั่นหยาบ และให้เป็นใบๆไปจนกว่าจะโตเต็มที่ การให้ใบหม่อนแต่ละวัน จะเก็บตัวหนอนไหมใส่กระด้งเปล่าอีกใบแล้วให้ใบหม่อน ส่วนกระด้งใบเก่าจะมีเศษก้านใบหม่อนและมูลหนอนไหมเอาไปเททิ้งเป็นปุ๋ยหมักต่อไป
เมื่อหนอนไหมโตเต็มที่จะเปลี่ยนสีจากสีขาวเป็นสีเหลือง ก็จับแยกใส่กระจ่อ ซึ่งเป็นกระด้งที่มีไส้ไม้ไผ่ขดเป็นวง เพื่อให้หนอนไหมชักเส้นใยไหมหุ้มตัวเป็นดักแด้ จากนั้นเก็บรังไหมซึ่งมีดักแด้อยู่ข้างในไปต้มในน้ำร้อนเพื่อสาวไหมเป็นเส้นเก็บไว้ทอเป็นผ้าไหมต่อไป สิ่งเหลืออยู่ในหม้อคือดักแด้ไหมนำไปเป็นอาหารได้
ผลพลอยได้จากต้นหม่อนนอกจากใบหม่อนแล้วยังมีลูกหม่อนสุกสีม่วงแดงจนม่วงเข้ม รสหวานอมเปรี้ยว ซึ่งคุณยายเก็บมาฝากทุกครั้งที่ลูกหม่อนสุก
ตอนนี้คุณยายจากไปหลายปีแล้ว ไม่มีใครสานต่อเลี้ยงไหม สวนหม่อนถูกแผ้วถางออกหมดแล้ว
งานไหมและผูกเสี่ยว ประจำจังหวัดขอนแก่น ซึ่งจัดงานขึ้นทุกปี จนเป็นงานไหมนานาชาติไปแล้ว
ด้วยไมตรีจิต
เกษม ทั่งทอง