รายการตอบจดหมายท่านผู้ฟังวันที่ 24 กันยายน
(VOVWORLD) -เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนกระจายเสียงต่างประเทศได้รับอีเมล์และคอมเมนต์จากผู้ฟังรวม 389 ฉบับจาก 35 ประเทศและดินแดน โดยรายการภาคภาษาไทยได้รับอีเมล์และคอมเมนต์ 7 ฉบับ
ข้อกำหนดเกี่ยวกับค่าปรับจราจรของเวียดนามก็คล้าย ๆกับประเทศไทย
|
อาจารย์ เกษม ทั่งทอง ส่งจดหมายที่เขียนว่า “เมืองไทยประกาศใช้กฎหมายจราจรฉบับใหม่เมื่อ 5 กันยายน 65 มีโทษปรับและจำคุก โดยค่าปรับสูงจากเดิมมาก และมีข้อกำหนดหลายอย่างที่ต้องระวัง แต่ทางกองบัญชาการตำรวจจราจร จะเริ่มบังคับใช้อย่างจริงจังตั้งแต่ 4 ธันวาคม 65 เป็นต้นไป ตอนนี้ให้ใช้กฎหมายเดิมไปก่อน ยกตัวอย่างเช่น การขับรถเร็วเกินกำหนด การฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง ไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย ปรับไม่เกิน 4,000 บาท เดิม ปรับไม่เกิน 1,000 บาท ไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย ปรับไม่เกิน 2,000 บาท เดิม ปรับไม่เกิน 500 บาท ความผิดร้ายแรงทางจราจร จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 5,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้เนื่องจากมีรถยนต์ จักรยานยนต์ วิ่งบนท้องถนนจำนวนมาก ค่าปรับเดิมผู้ขับขี่ยังฝ่าฝืน จึงต้องมีการปรับให้สูงขึ้น ไม่ทราบว่าที่เวียดนามมีการเสียค่าปรับการจราจรอย่างไรบ้างครับ” ข้อกำหนดเกี่ยวกับค่าปรับจราจรของเวียดนามก็คล้าย ๆกับประเทศไทย โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ได้มีการเพิ่มค่าปรับจราจรเช่น ไม่สวมหมวกนิรภัย ปรับ 6 แสนด่งหรือประมาณ 900 บาท หรือการใช้ใบอนุญาตขับรถยนต์ที่หมดอายุ มีโทษปรับ 12 ล้านด่งหรือประมาณ 1 หมื่น 8 พันบาท
คุณ Ratchapol Ploythet นักศึกษาที่กำลังเรียนปริญญาโทของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ส่งจดหมายที่ถามว่า “ผมกำลังเรียนภาควิชาประวัติศาสตร์ ผมให้ความสนใจต่อหัวข้อ “การใช้ธงและเพลง “ Giải phóng miền Nam” หรือ “การปลดปล่อยภาคใต้” ผมได้ชมคลิปวีดีโอเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสถานีวิทยุแห่งการปลดปล่อย โดยใช้เพลงนี้เป็นเพลงเปิดรายการต่างๆของสถานีวิทยุแห่งการปลดปล่อย ผมอยากเรียนรู้ข้อมูลเกี่ยวกับบทเพลงนี้” ครับ นักดนตรี ลิวหึวเฟือก แต่งบทเพลง “ Giải phóng miền Nam” หรือ “การปลดปล่อยภาคใต้”เมื่อปี 1961ในโอกาสการจัดตั้งแนวร่วมประชาชาติปลดปล่อยภาคใต้เวียดนาม เนื้อเพลงกล่าวถึงความสามัคคีร่วมแรงร่วมใจของประชาชนเวียดนามในสงครามต่อต้านจักรวรรดินิยมอเมริกาเพื่อกู้ชาติ โดย บทเพลงนี้ได้รับการออกอากาศผ่านทางสถานีวิทยุและนำไปใช้ในการแสดงต่างๆของคณะศิลปะของกองทัพปลดปล่อยเวียดนาม
พิธีรำลึกครบรอบ 77 ปีวันก่อตั้งสถานีวิทยุเวียดนามของสโมสรผู้ฟังวิทยุเอเชียใต้บังกลาเทศ |
ถึงแม้ว่าวันรำลึกครบรอบ 77 ปีวันก่อตั้งสถานีวิทยุเวียดนามจะผ่านมาแล้วกว่า 2 สัปดาห์แต่ทางผู้จัดทำรายการยังคงได้รับอีเมล์และจดหมายอวยพรจากแฟนรายการหลายท่าน โดยคุณ Didarul Iqbal ส่งจดหมายที่เขียนว่า “ในพิธีรำลึกครบรอบ 77 ปีวันก่อตั้งสถานีวิทยุเวียดนาม บรรดาสมาชิกสโมสรผู้ฟังวิทยุเอเชียใต้บังกลาเทศ ได้ร่วมกันเตรียมเค้กวันเกิดและพูดคุยเกี่ยวกับรายการต่างๆของสถานีวิทยุเวียดนาม รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับบังกลาเทศ ซึ่งหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ 6 ฉบับของบังกลาเทศได้ลงข่าวเกี่ยวกับพิธีนี้ของทางสโมสรฯ” ในนามผู้จัดทำรายการ ผมขอขอบคุณน้ำใจของแฟนรายการจากบังกลาเทศ ซึ่งนี่ถืออเป็นพลังขับเคลื่อนให้แก่การผลิตรายการต่างๆ เพื่อยกระดับคุณภาพของรายการ ทางผู้จัดทำรายการได้จัดการสำรวจความคิดเห็นของผู้ฟังบนแฟนเพจของทางรายการ ซึ่งพวกเราหวังว่า ท่านผู้ฟังจะเข้าร่วมการสำรวจความคิดเห็นดังกล่าวนะครับ
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บทความต่างๆในรายการ Make in Vietnam ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากแฟนรายการหลายท่าน โดยบทความชุดนี้ช่วยให้คุณผู้ฟังได้ทราบเกี่ยวกับความคิดริเริ่ม โครงการและผลสำเร็จของเวียดนาในกระบวนการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล
ความงามของทุ่งนาขั้นบันไดหมู่กังจ๋าย จังหวัดเอียนบ๊าย |
คุณ Fachri ถามเกี่ยวกับทุ่งนาขั้นบันไดหมู่กังจ๋าย จังหวัดเอียนบ๊าย อำเภอหมู่กังจ๋าย จังหวัดเอียนบ๊ายอยู่ห่างจากกรุงฮานอยประมาณ 300 กิโลเมตร ที่นี่มีทุ่งนาขั้นบันไดที่สวยที่สุดในเขตตะวันตกเฉียงเหนือของเวียดนาม โดยมีพื้นที่ประมาณ 2,200 เฮกตาร์ ทุ่งนาขั้นบันไดหมู่กังจ๋าย ติดท็อป 20 สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่สุดในโลก ท็อป 50 สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยที่สุดในโลกประจำปี 2020 และได้รับการรับรองเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับชาติพิเศษเมื่อปี 2021 โดยในฤดูใบไม้ร่วง ถือเป็นช่วงเวลาที่อำเภอเขตเขาแห่งนี้มีความสวยงามที่สุดเนื่องจากถูกปกคลุมด้วยนาข้าวสีเหลืองอร่ามในฤดูเก็บเกี่ยว ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เมื่อมาเยือนอำเภอหมู่กังจ๋าย นักท่องเที่ยวไม่เพียงแต่ได้รับชมความงามของทุ่งนาขั้นบันไดเท่านั้น หากยังได้ศึกษาเกี่ยวกับวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีและประวัติศาสตร์ของชนเผ่าต่างๆที่นี่อีกด้วย
หลังจากที่อ่านบทความ “เยือนแผ่นดินแห่งภูเขาไฟ Krông Nô ค้นคว้าวัฒนธรรมกับข้าวพันธุ์พื้นเมืองที่ขึ้นชื่อ” อาจารย์ เกษม ทั่งทอง คอมเมนต์ว่า “ ดินภูเขาไฟมีลักษณะพิเศษมีแร่ธาตุอุดม ข้าวที่ปลูกจึงมีรสชาติอร่อยกว่าข้าวทั่วไป เมืองไทยก็มีทุเรียนภูเขาไฟเป็นที่ขึ้นชื่อของจ.บุรีรัมย์” ส่วนคุณ พิเชษฐ์ ทองพุ่ม คอมเมนต์ว่า “สวยมากครับ เป็นภูเขาไฟที่ดับแล้วหรือยังครับ” ตามข้อมูล ภูเขาไฟนี้ปะทุครั้งสุดท้ายเมื่อประมาณ 1 หมื่นปีก่อนครับ คุณ Chalinan Sip และอาจารย์ เกษม ทั่งทองได้แสดงความยินดีที่สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งของเวียดนามได้รับรางวัลจาก World Travel Awards
ข่าวเกี่ยวกับคณะ famtrip ของไทยที่มาเยือนสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในกรุงเก่าเว้ ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากแฟนรายการ ซึ่งคุณผู้งฟังหวังว่า กิจกรรมนี้จะมีส่วนช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวไทยให้มาเยือนกรุงเก่าเว้ในเวลาที่จะถึง