(VOVworld) – ช่วงนี้ เมื่อ 70 ปีก่อน กรุงฮานอยเต็มไปด้วยความฮึกเหิมของบรรยากาศการต่อสู้ภายใต้คำขวัญ “เพื่อปิตุภูมิเรายอมเสียสละทุกอย่าง” ซึ่งในตรุตเต๊ตปีกุนนั้น ฮานอยได้ฉลองปีใหม่ตามประเพณีท่ามกลางบรรยากาศของ “60 วันคืนที่เต็มไปด้วยเสียงปืนเสียงระเบิด” นั่นคือตรุษเต๊ตที่อยู่ในภาวะสงครามที่ดุเดือดและขาดแคลนทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เต็มไปด้วยน้ำใจที่อบอุ่นระหว่างประชาชนกับทหาร ความคาดหวังและความเชื่อมั่นในสงครามเพื่อปกป้องเอกราชที่ชาวเวียดนามเพิ่งได้รับ

คืนวันที่ 19 ธันวาคมปี 1946 เมื่อคำเรียกร้องให้ปวงชนทั่วประเทศลุกขึ้นสู้ของประธานโฮจิมินห์ถูกออกอากาศผ่านทางสถานีวิทยุเวียดนามก็เป็นช่วงที่ประชาชนกรุงฮานอยนับพันคนอาสาเป็นทหารพลีชีพเพื่อปกป้องนครหลวง ฮานอยในช่วงนั้น “บ้านทุกหลังคือ 1 ป้อมปราการ ถนนคือแนวรบและประชาชนคือทหาร” ในถนนโบราณ 36 สาย สามารถพบเห็นคำขวัญ “ปักหลักปกป้องเมืองหลวง” และ “เอกราชหรือเสียชีวิต” ฮานอยพร้อมที่จะต่อสู้และฉลองตรุษเต๊ตครั้งแรกแห่งสงครามกู้ชาติ คุณยาย เหงียนถิเญิน สมาชิกของหน่วยพลาธิการที่ป้อมปราการ ฟ้าวด่ายล้าง ในสมัยนั้นได้เผยว่า “วันที่ 30 เดือน 12 วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ต้นไม้ถูกตัดลงเพื่อสร้างสิ่งกีดขวางไม่ให้รถถังวิ่งผ่าน พวกเราได้เข้าร่วมอย่างเข้มแข็ง สีข้าว จับปลาและทำอาหารเพื่อสนับสนุนทหารที่กำลังปักหลักต่อสู้ ในช่วงนั้น ปลาและผักก็เยอะมาก แต่ต้องเก็บในตอนกลางคืน เพราะตอนกลางวัน เครื่องบินข้าศึกทำการโจมตีตลอด”
วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในปีนั้น ประชาชนในเขตชานเมืองได้เสี่ยงชีวิตเพื่อส่งเนื้อหมู ไก่ ข้าวต้มมัดใหญ่ หมูยอ  ผัก ดอกท้อ เหญิดเตินและต้นส้มจี๊ตไปให้แก่ทหารของกรมทหารนครหลวงที่กำลังต่อสู้ในใจกลางเมือง ในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ทหารพลีชีพของกองพลภาคที่ 1 ได้รับคำสั่งเปิดการโจมตีอีกระลอก ศัตรูก็ได้ตอบโต้อย่างหนัก ซึ่งเสียงปืนที่ดังสนั่นเปรียบเสมือนประทัด ในขณะเดียวกัน ก็มีทหาร 1 หน่วยรับหน้าที่ปักธงสีแดงดาวเหลืองบนยอดเจดีย์เต่ากลางสระคืนดาบ เพื่อเป็นการประกาศให้ศัตรูรู้ว่า “วันนี้ ตรุษเต๊ตปีกุน ประชาชนและทหารเวียดนามยังคงฉลองตรุษเต๊ตตามปกติ  ตรุษเต๊ตแห่งชัยชนะเมื่อธงแดงดาวเหลืองยังคงโบกสะบัดเหนือท้องฟ้าของนครหลวง”  พันเอก เหงียนจ่องห่าม จากกองพลภาคที่ 1 เล่าความทรงจำในช่วงเวลานั้นให้ฟังว่า“เราได้จัดการฉลองตรุษเต๊ตปีกุน โดยเชิญบรรดาเอกอัครราชทูตและชาวต่างชาติในเวียดนามมาร่วมฉลองตรุษเต๊ตปีกุนที่ถนนห่างเชี้ยว ก็มีดอกท้อ ข้าวต้มมัดใหญ่ และหัวหอมดองจากเขตชานเมืองส่งมาให้ อาจกล่าวได้ว่า ในใจกลางกรุงฮานอย แม้ถูกปิดล้อมเป็นเวลากว่า 1 เดือน  แต่กองกำลังเวียดมิงยังคงจัดงานฉลองตรุษเต๊ตอย่างสมเกียรติโดยเชิญบรรดาเอกอัครราชทูตต่างชาติเข้าร่วม เป็นอันว่า นักล่าเมืองขึ้นฝรั่งเศสไม่สามารถชนะได้”

วันที่ 1 ของตรุษเต๊ตปีกุน 1947 ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวและฝนตกปรอยๆ ถึงแม้บรรยากาศตรุษเต๊ตจะมีความล่อแหลมแตกต่างกับปีอื่นๆ แต่ทุกคนยังคงไปเยี่ยมเยือนญาติมิตรอวยพรปีใหม่และแบ่งปันของขวัญจากแนวหลังที่ส่งให้ ปูโต๊ะด้วยผ้าสีขาวเพื่อฉลองตรุษเต๊ตท่ามกลางแสงสว่างจากตะเกียงน้ำมัน ทหารเวียดนาม แขกและเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันฉลองปีใหม่ และทานอาหารตรุษเต๊ตตามประเพณีของคนเวียดนาม ผู้แทนชาวต่างชาติรู้สึกแปลกใจที่ได้เห็นถึงการคิดในเชิงบวกของทหารและชาวฮานอย และชื่นชมความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ของหนุ่มสาวนครหลวงฮานอย บรรยากาศวสันตฤดูยังได้กระจายไปทั่วป้อมปราการทุกแห่ง ป้อมปราการฟ้าวด่ายล้างได้กลายเป็นเป้าหมายทำลายของนักล่าเมืองขึ้นฝรั่งเศส แต่เมื่อตรุษเต๊ตเวียนมาก็ยังคงเต็มไปด้วยดอกเบญจมาศสีสดใส นาย โด๋วันดา ที่รับหน้าที่รักษาป้อมปราการได้ย้อนอดีตความทรงจำเล่าให้ฟังว่า “ในตอนนั้น ชาวฮานอยฉลองตรุษเต๊ตกันในบ้าน โต๊ะและเก้าอี้นำไปวางบนถนนเพื่อขัดขวางการวิ่งผ่านของรถถัง หนุ่มสาวทุบผนังเปิดทางทลุทุกบ้านเพื่อไปยังถนนสายต่างๆ ปีนั้นอากาศหนาวและมีฝนตกด้วย วันที่ 12 เดือนอ้ายของของตรุษเต๊ต พวกเราเดินทัพขึ้นไปยังเขตเวียดบั๊กทางเหนือ ระหว่างทางไปยังทำนบกั้นน้ำแทงจี่ ก็เห็นประชาชนกำลังต้มข้าวต้มมัดใหญ่ พวกเขาก็บอกเราว่า ถึงเวลาตรุษเต๊ตแล้ว พวกคุณยังเดินทัพอยู่หรือ นี่ป้าให้ขนมข้าวต้มมัดใหญ่ 3 อันนะ”ถึงแม้จะมีรถทหารฝรั่งเศสวิ่งไปมาก็ตาม แต่ทหารของกองบัญชาการนครหลวงยังคงฉลองตรุษเต๊ตอย่างอบอุ่นในหลุมเพลาะ ท่ามกลางเสี้ยวนาทีอันศักดิ์สิทธ์นี้ พวกเขาได้ให้คำมั่นว่าจะประสบชัยชนะเพื่อกลับบ้านเกิด สร้างสรรค์ประเทศให้เจริญสวยงามมากขึ้น  ทุกคนต่างรู้สึกตื้นตันใจเมื่อได้ฉลองตรุษเต๊ตท่ามกลางการปิดล้อมโจมตีของศัตรู
การฉลองตรุษเต๊ตปีระกา 2017 ทำให้เรานึกถึงตรุษเต๊ตปีกุนเมื่อ 70 ปีก่อน ซึ่งเป็นตรุษเต๊ตแห่งความมุ่งมั่นต่อสู้เพื่อชัยชนะพร้อมความปรารถนาแห่งเอกราช ซึ่งจิตใจนี้ได้มีส่วนร่วมขัดขวางศัตรู ปกป้องนครหลวงภายในเวลา 60 วันคืนแห่งประวัติศาสตร์เพื่อเอื้อให้แก่การเสริมสร้างกำลังและเดินหน้าทำสงครามที่ยาวนานเพื่อให้ถึงวันที่ได้รับชนะอย่างสมบูรณ์.