(VOVWORLD) -Lung Van (หลูงเวิน) ในเขตเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือเปรียบเสมือนเป็นหลังคาของแผ่นดินเหมื่องบี(Muong Bi) เนื่องจากตั้งอยู่บนยอดเขาสูงที่โผล่ขึ้นมากลางทะเลเมฆและยังเป็นหนึ่งในสี่แหล่งกำเนิดวัฒนธรรมที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในผืนแผ่นดิน เหมื่องหว่าบิ่งห์
ชุมชนที่หลูงเวิน |
เนื่องด้วยถูกล้อมรอบด้วยยอดเขา Trau ยอดเขา Po ยอดเขา Tien ทำให้หลูงเวินมีสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี มีทิวทัศน์ธรรมชาติที่งดงามตระการตาพร้อมวิถีชีวิตวัฒนธรรมดั้งเดิมที่เป็นเอกลักษณ์ของชาว เหมื่อง ซึ่งได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจน่าค้นคว้าสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ
ตำบล หลูงเวิน อำเภอ เตินหลาก หรือที่รู้จักในชื่อ เหมื่องเจิ๋ม อยู่ห่างจากใจกลางเมือง หว่าบิ่งห์ประมาณ 40 กม. ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล และมีเมฆหมอกปกคลุมตลอดทั้งปี จึงเรียกกันว่า ทูงเมย (Thung Mây) นอกจากนี้ยังมีตำนานที่เล่าขานกันในชุมชนที่ว่าจากเรื่องที่ถูกบันทึกไว้ในเรื่อง “Đẻ đất, đẻ nước” ของชาวเหมื่อง เมื่อครั้งโบราณกาลได้เกิดเหตุอุทกภัยครั้งยิ่งใหญ่ น้ำป่าไหลหลากฉับพลันได้กวาดล้างบ้านเรือน สัตว์เลี้ยง ผู้คนและพืชพันธุ์ต้นไม้ไปหมด ในสภาวการณ์ที่ยันตรายนั้น มีสามีภรรยาคู่หนึ่งโชคดีที่สามารถเกาะบนแพไม้แล้วลอยไปตามเกลียวคลื่นจนกระทั่งติดเข้ากับต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า ต้นบี โดยรากของต้นไม้นี้ที่ทะลุผ่าน"แม่น้ำเก้าสายและภูเขาสิบลูก" จึงแข็งแกร่งมากจนน้ำท่วมใหญ่ครั้งนั้นไม่สามารถถอนรากไปได้ เมื่อน้ำลดทั้งคู่ไม่รู้บ้านเกิดที่ไหนเพื่อกลับไปจึงตั้งหลักสร้างบ้านใต้ต้นไม้นี้เพื่อดำรงชีวิตต่อไป ทำไร่ทำนาขั้นบันไดปลูกพืชผักตามไหล่เขา เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงลูกพัฒนาเป็นหมู่บ้าน
ด้วยทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามตระการตาและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ หลูงเวินจึงเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับผู้ชื่นชอบการเดินทางเพื่อค้นคว้าแผ่นดินใหม่
1/ ฉันประทับใจที่สุดกับทิวทัศน์ธรรมชาติของที่นี่ซึ่งมีลักษณะโดดเด่นหลายประการที่แตกต่างกับที่อื่น
2/ ที่นี่มีน้ำตกสวยๆมากมายและเราอยากสัมผัส เราสามารถปีนขึ้นไปบนยอดเขาและจัดกิจกรรมต่างๆเพื่อสัมผัสชีวิตในป่าได้อย่างสนุกสนาน ที่นี่เหมือนเป็นแดนสวรรค์
3/ จากการแนะนำของเพื่อน เราจึงเลือกไปเที่ยวหลูงเวิน เมื่อยืนอยู่ในระดับความสูง 1,200 เมตรเหนือน้ำทะเล ก็จะได้สัมผัสบรรยากาศและทิวทัศน์ธรรมชาติบริสุทธิ์สวยงามยิ่ง ซึ่งต่างจากเมืองที่ฉันอาศัยเป็นอย่างมาก
4/ ทุ่งนาบันไดที่นี่สวยงามมาก สร้างบรรยากาศที่สงบสุขที่ไม่มีที่ไดเหมือน
ตำบล หลูงเวิน อำเภอ เตินหลาก หรือที่รู้จักในชื่อ เหมื่องเจิ๋มอยู่ห่างจากใจกลางเมือง หว่าบิ่งห์ประมาณ 40 กม. ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล และมีเมฆหมอกปกคลุมตลอดทั้งปี จึงเรียกกันว่า ทูงเมย |
การเดินทางไปที่หมู่บ้านหลูงเวินที่อยู่บนยอดเขาสูงสุดนั้นจะต้องผ่านเส้นทางที่คดเคี้ยวลาดชัน แต่ "ดินแดนแห่งเมฆหมอก" นี้ยังกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดใจนักท่องเที่ยวเนื่องจากวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชนเผ่าเหมื่องที่สะท้อนให้เห็นจากภาพหลังคาบ้านไม้ยกพื้นโบราณที่ออกเป็นรูปเต่าพร้อมวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นที่ยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้ค่อนข้างสมบูรณ์ นายห่าวันมิงห์ ชาวบ้านหลูงเวินเผยว่า หากนักท่องเที่ยวอยากพักค้างคืนก็สามารถจองที่พักกับชาวบ้านได้เลย“บ้านของผมได้รับการปรับปรุงเล็กน้อยเพื่อที่จะสามารถตอบสนองการบริการนักท่องเที่ยวแต่ยังคงไว้จุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมของชนเผ่า เราต้องรักษาวัฒนธรรมของตนไว้ให้ลูกหลานได้รู้จักเพื่อสืบสานต่อไป”
เมื่อเทียบกับท้องถิ่นอื่นๆ วัฒนธรรมของชาวเหมื่องในหลูงเวินยังคงได้รับการรักษาอย่างสมบูรณ์ในชีวิตชุมชน เช่น เทศกาล Nạ Mụ งานแรกนาขวัญ งานล้างต้นข้าว งานเข้าฤดูร้อน งานข้าวใหม่ เป็นต้น คุณ ดิง ถิ งวาน สมาชิกของกลุ่มศิลปะ หลูงเวิน เผยว่า “คุณค่าทางวัฒนธรรมของชาติตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีของชนเผ่าเรายังคงได้รับการรักษาไว้อย่างสมบูรณ์ เมื่อมาที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้เยี่ยมชมรอบ ๆ หมู่บ้าน ได้สัมผัสกับกิจกรรมต่างๆในวิถีชีวิตของชุมชนเช่น ผู้หญิงทอผ้าพื้นเมือง หรือชมการแสดงศิลปะและดื่มด่ำกับธรรมชาติที่สวยงาม”
ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นของเขตเขา เสียงกลองเสียงฆ้องที่ดังกังวานจากบ้านไม้ยกพื้นเป็นเหมือนเสียงเชื้อเชิญต้อนรับผู้คนอย่างอบอุ่น ทำให้ผู้ที่มาเยือนสามารถละทิ้งความกังวลทั้งหมดเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศวัฒนธรรมของเหมื่องบีอย่างเต็มอิ่ม โดยบรรยากาศตอนเช้าที่ หลูงเวิน นั้นมีลมพัดเบาและแสงแดดอ่อนๆ ปุยเมฆขาวโพลนปกคลุมทั่วยอดเขาและทั่วหมู่บ้าน ตอนเที่ยงเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นสูง แสงแดดส่องผ่านม่านเมฆลงสู่หุบเขาก็เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการเดินเที่ยว ด้วยอากาศที่เย็นสบายปลอดโปร่งบริสุทธิ์ตลอดทั้งปี ทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามและกิจกรรมทางวัฒนธรรมดั้งเดิมที่เป็นเอกลักษณ์มากมาย หมู่บ้านเหมื่องบีได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการพิชิตดินแดนแห่งเมฆตลอดทั้งปีบนยอดเขาแห่งนี้./.