แหล่งประวัติศาสตร์แห่งชาติ จวงโบ่น

แม้จะต้องเสี่ยงชีวิตฝ่าความดุเดือดของห่ากระสุนระเบิดของศัตรูแต่ด้วยความกล้าหาญ จิตใจแห่งความความมุ่งมั่นพร้อมเสียสละเลือดเนื้อ กองกำลังเยาวชนอาสาและทหารหลายพันคนได้ยืนเคียงข้างกันเพื่อต่อสู้สร้างชัยชนะแห่งตำนาน จวงโบ่น (Truong Bon) ซึ่งขณะนั้นนอกจากกำลังหลักที่เป็นกองทัพอาสาเวียดนามช่วยการปฏิวัติลาวแล้ว เยาวชนอาสาก็ถือเป็นกำลังสำคัญในการลำเลียงเสบียงกรังรวมทั้งเปิดเส้นทางคมนาคมใหม่มุ่งสู่สนามรบโดยเฉพาะการเปิดถนน 7B ผ่านTha-đo ในอำเภอ กี่เซิน จังหวัดเหงะอานไปถึง เซียงขวาง ประเทศลาว ณ เขตนี้ เจ้าหน้าที่และทหาร 1,240 นาย โดยเฉพาะเหตุการณ์เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ปี1968 กองเยาวชนอาสาเดินหน้า 13 นายของ "กองพันเหล็ก" ได้ต่อสู้และเสียสละอย่างกล้าหาญเพื่อสร้างตำนานจวงโบ่นที่เป็นอมตะ

ทุกๆปีโดยเฉพาะในช่วงเดือนกรกฎาคมที่แหล่งประวัติศาสตร์แห่งชาติ จวงโบ่น จะมีผู้คนจากทั่วทุกสารทิศหลายร้อยคณะเดินทางมาจุดธูปสักการะรำลึกถึงทหารพลีชีพเพื่อชาติ

เมื่อวันที่ 23 กันยายนปี 2008 ประธานประเทศได้ประกาศมอบเกียรติคุณเป็นวีรชนกองกำลังติดอาวุธประชาชนให้แก่หน่วยเยาวชนอาสาเดินหน้า"กองพันเหล็ก"แห่งตำนาน ซึ่งปัจจุบันแหล่งอนุสรณ์ทางประวัติศาสตร์แห่งชาติจวงโบ่นได้ก่อสร้างบนพื้นที่เกือบ 22 เฮกตาร์ ในตำบลหมีเซิน อำเภอโดเลือง จังหวัดเหงะอาน ซึ่งประกอบด้วยสุสานของวีรชนเยาวชนอาสาเดินหน้าที่พลีชีพเพื่อชาติ อนุสาวรีย์ อาคารอนุสรณ์ หอระฆัง สนามรบจวงโบ่นจำลอง เป็นต้น โดยหลังจากเปิดเมื่อปลายปี2014 สถานที่แห่งนี้ได้กลายเป็นจุดหมายเพื่อการศึกษาเกียรติประวัติการปฏิวัติสำหรับประชาชนทุกหมู่เหล่าทั้งในท้องถิ่นและจากทั่วประเทศ คุณฝามเทืองเหวี่ยน ชาวกรุงฮานอยที่มาจุดธูปสักการะ ณ เขตอนุสรณ์สถานจวงโบ่นเผยว่า  "คุณพ่อดิฉันก็เป็นเยาวชนอาสาเดินหน้าในสงครามกู้ชาติจึงได้ฟังจนทราบซึ้งในเรื่องราวเกี่ยวกับการต่อสู้เพื่อพิทักษ์รักษาปิตุภูมิของท่านและเพื่อนร่วมรบหลายเรื่อง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถเข้าใจได้หมดเกี่ยวกับความลำบากยากเข็ญและความดุเดือดของสงครามในสมัยนั้น วันนี้ได้มีโอกาสมาที่จวงโบ่นและศึกษาเรื่องราวต่างๆอย่างละเอียดลึกซึ้งยิ่งขึ้นก็รู้สึกทราบซึ้งใจอย่างมากในความเสียสละเลือดเนื้อของคนรุ่นก่อนเพื่อเอกราชเสรีภาพของประเทศในปัจจุบัน"

ซึ่งในโอกาสเข้าร่วมพิธีรำลึกครบรอบ50ปีแห่งตำนานจวงโบ่นเมื่อวันที่ 31ตุลาคมปี2018 ท่านเหงวียนซวนฟุกซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวปราศรัยยืนยันว่า "แหล่งประวัติศาสตร์จวงโบ่นได้ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การต่อสู้กู้ชาติของประเทศให้เป็นตำนานของผืนดินอันศักดิ์สิทธิ์ที่ซึมซับเลือดเนื้อของวีรชนที่พลีชีพเพื่อชาติจำนวนมากเหมือนแหล่งประวัติศาสตร์ที่โดดเด่นอื่นๆอย่าง สามแยกด่งโหลก ถ้้ำต๊ามโก กำแพงเก่ากว๋างตริแห่งอมตะ เป็นอนุสาวรีย์ที่แจ่มจรัสของลัทธิวีรภาพการปฏิวัติ เป็นความภาคภูมิใจของชาวเวียดนามทุกคน สถานที่แห่งนี้คือแหล่งศึกษาเพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และเข้าใจเกียรติประวัติแห่งการต่อสู้กู้ชาติและการเสียสละอย่างกล้าหาญของคนรุ่นก่อนเพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนพัฒนารุ่งเรือง มั่นคงถาวรและมีชื่อเสียงดั่งในทุกวันนี้."

กองเยาวชนจังหวัดเหงะอานได้เปิดขบวนการรณรงค์ต่างๆในหมู่เยาวชนและนักเรียนนักศึกษาผ่านกิจกรรมที่เป็นรูปธรรมต่างๆ

นับตั้งแต่ปี 2015 จนถึงปัจจุบัน กองเยาวชนจังหวัดเหงะอานได้เปิดขบวนการรณรงค์ต่างๆในหมู่เยาวชนและนักเรียนนักศึกษาผ่านกิจกรรมที่เป็นรูปธรรมต่างๆเช่น การประกวดความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์จวงโบ่น จัดคณะไปเยี่ยมเยือนและจุดธูปสักการะทหารพลีชีพเพื่อชาติ ปลูกต้นไม้สร้างสวนเยาวชนเพื่อเพิ่มความสวยงามให้แกภูมิทัศน์ของเขตอนุสรณ์สถานแห่งนี้ ส่วนทางสำนักงานการท่องเที่ยวจังหวัดเหงะอานก็ได้ระบุแหล่งประวัติศาสตร์จวงโบ่นในเส้นทางท่องเที่ยวโดดเด่นของท้องถิ่นคือ ชายหาดเกื๋อหล่อ บ้านเกิดของประธานโฮจิมินห์ จวงโบ่นและแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศต่างๆของเหงะอาน

จวงโบ่นคือสัญลักษณ์แห่งการเสียสละและอุทิศตนของกองกำลังเยาวชนอาสาเดินหน้าในภารกิจการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยภาคใต้รวมประเทศเป็นหนึ่งเดียวและในภารกิจด้านการต่างประเทศอันสูงส่งเพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาและสานต่อเกียรติประวัติอันรุ่งโรจน์นั้นในภารกิจการพัฒนาประเทศให้แข็งแกร่งมั่นคงในทุกวันนี้.