ตระหนักได้ดีถึงความท้าทายต่างๆเพื่อผลักดันการขยายตัวอย่างยั่งยืน

(VOVWORLD) -ในการประชุมครั้งที่ 8 สภาแห่งชาติสมัยที่ 15 สำหรับการประเมินผลการปฏิบัติแผนการพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคมในปี 2024 และร่างแผนการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมปี 2025 บรรดาผู้แทนสภาแห่งชาติได้ยืนยันว่า นับตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบัน ภาพรวมเศรษฐกิจเวียดนามได้มีสัญญาณในเชิงบวก แต่เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืนและมีเสถียรภาพ ต้องตระหนักได้ดีต่อความท้าทายต่างๆเพื่อมีมาตรการที่เหมาะสม เสร็จสิ้นการปฏิบัติเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจในปีนี้และสร้างพื้นฐานให้แก่ปีต่อๆไป

ตระหนักได้ดีถึงความท้าทายต่างๆเพื่อผลักดันการขยายตัวอย่างยั่งยืน - ảnh 1นาง ดั่งบิ๊กหงอก ผู้แทนสภาแห่งชาติจังหวัดหว่าบิ่ง  (Photo: quochoi.vn )

นับตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบัน ในสภาวการณ์ที่สถานการณ์โลกมีความไร้เสถียรภาพและเวียดนามได้รับผลเสียหายอย่างหนักจากภัยธรรมชาติแต่เศรษฐกิจเวียดนามยังคงบรรลุผลงานในเชิงบวก โดยอัตราการขยายตัวจีดีพีใน 9 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ร้อยละ 6.82 และคาดว่า อัตราการขยายตัวจีดีพีของทั้งปีจะอยู่ที่ร้อยละ 6.8 -7  ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่สภาแห่งชาติวางไว้คือร้อยละ 6-6.5  ซึ่งทำให้เวียดนามติดกลุ่มประเทศที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงในภูมิภาคและโลก โดยได้รับการชื่นชมจากองค์การระหว่างประเทศต่างๆ      

สร้างก้าวกระโดดที่เข้มแข็งมากขึ้นด้านกลไก แก้ไขอุปสรรคให้แก่สถานประกอบการ

เวียดนามมีจุดเด่นต่างๆ เช่น เลื่อนขึ้น 4 อันดับในตารางการจัดอันดับดัชนีนวัตกรรมโลก เลื่อนขึ้น 11 อันดับในตารางการจัดอันดับดัชนีความสุขโลก เลื่อนขึ้น 15 อันดับในตารางการจัดอันดับดัชนีรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์โลก โดยเฉพาะดัชนีความมั่นคงทางอินเตอร์เน็ตของเวียดนามเลื่อนขึ้น 8 อันดับ มาอยู่ที่อันดับ 17 ในจำนวน 194 ประเทศ แต่อย่างไรก็ดี บรรดาผู้แทนสภาแห่งชาติเห็นว่า เวียดนามยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆในการผลักดันการปฏิบัติเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจและรักษาเสถียรภาพทางสังคม    นาง ดั่งบิ๊กหงอก ผู้แทนสภาแห่งชาติจังหวัดแค้งหว่าได้เผยว่า ต้องตระหนักต่อกำแพงกีดกันด้านกลไก 

“สภาแห่งชาติและรัฐบาลเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างเข้มแข็งในงานด้านการจัดทำ ปรับปรุงและบังคับใช้กฎหมายต่อไป ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพในการปฏิบัตินโยบายเพื่อปรับปรุงอย่างทันการณ์ โดยเฉพาะต้องมีกลไกการตรวจสอบเพื่อกำหนดความรับผิดชอบขององค์กรและบุคคลต่างๆในการประกาศใช้เอกสารทางนิตินัยที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นจริง ขัดขวางการพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคม ผลักดันการกระจายอำนาจผสานกับความรับผิดชอบของท้องถิ่น”

นาย จิ่งลามซิง ผู้แทนสภาแห่งชาติจังหวัดอานยางเห็นพ้องกับหน้าที่และมาตรการของรัฐบาลในปี 2025 รวมทั้งมาตรการเชิงก้าวกระโดดด้านกลไก แก้ไขอุปสรรค ปรับปรุงระบบกฎหมายให้มีความสมบูรณ์พร้อมทั้งเสนอให้รัฐบาลต้องทำการตรวจสอบ มีมาตรการอย่างพร้อมเพรียงและสร้างก้าวกระโดดเพื่อให้กำลังใจแก่สถานประกอบการภายในประเทศและนักธุรกิจสตาร์ทอัพ 

“การส่งออกของภาคอุตสาหกรรมที่มีเงินลงทุนเอฟดีไอสูงได้แสดงให้เห็นว่า สถานประกอบการในด้านนี้ประกอบธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพบนพื้นฐานของกลไกและนโยบายให้สิทธิพิเศษของรัฐ ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นผ่านการที่เครือบริษัทใหญ่ต่างๆมาเรียนรู้และให้คำมั่นลงทุนในด้านอิเล็กทรอนิกส์  เซมิคอนดักเตอร์และพลังงานทดแทน... แต่อย่างไรก็ตาม สถานประกอบการภายในประเทศยังคงประสบอุปสรรคมากมาย  ดังนั้น ผมเสนอให้รัฐบาลให้ความช่วยเหลือด้านนโยบายต่อไปเพื่อช่วยให้สถานประกอบการภายในประเทศแก้ไขอุปสรรคและประกาศใช้นโยบายช่วยเหลือที่เข้มแข็งมากขึ้น”

ตระหนักได้ดีถึงความท้าทายต่างๆเพื่อผลักดันการขยายตัวอย่างยั่งยืน - ảnh 2นาย จิ่งลามซิง ผู้แทนสภาแห่งชาติจังหวัดอานยาง (Photo: quochoi)

 กำหนดพลังขับเคลื่อนอย่างชัดเจน

เพื่อผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน บรรดาผู้แทนได้แสดงความประทับใจต่อการที่รัฐบาลกำหนดแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งเป็นโอกาสเชิงก้าวกระโดดและเป็นแนวทางของเวียดนาม จากการยืนยันการขยายตัวแห่งสีเขียวเป็นแนวโน้มของอนาคต นาง เลด่าวอานซวน ผู้แทนสภาแห่งชาติจังหวัดฟู้เอียนได้เสนอว่า 

“ส่งเสริมบทบาทการเป็นผู้เดินหน้าของรัฐในการปรับเปลี่ยนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมผ่านข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง ดิฉันเสนอให้ประกาศใช้ข้อกำหนดนี้ในปี 2025 โดยให้ความสนใจต่อการร่างข้อกำหนดเกี่ยวกับอัตราการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียวของภาครัฐในรายจ่ายสาธารณะผลักดันการอุปโภคบริโภคแห่งสีเขียวในท้องถิ่น”

บรรดาผู้แทนยังเสนอให้รัฐบาลนอกจากเน้นถึงพลังขับเคลื่อนของการขยายตัวที่มีอยู่ โดยเฉพาะการส่งออก  ต้องผลักดันพลังขับเคลื่อนใหม่ เช่น วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม การปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล การปรับเปลี่ยนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจหมุนเวียน นาง เจิ่นถิเวิน ผู้แทนสภาแห่งชาติจังหวัดบั๊กนิงได้ชี้ชัดว่า                              

ดิฉันเห็นด้วยกับกลุ่มหน้าที่และมาตรการของรัฐบาล  โดยให้ความสนใจต่อการผลักดันพลังขับเคลื่อนที่มีอยู่และพลังขับเคลื่อนใหม่ เพื่อมีส่วนร่วมปฏิบัติมาตรการนี้อย่างมีประสิทธิภาพ ดิฉันเสนอให้กำหนดอย่างชัดเจน 1 ใน 3 ก้าวกระโดดเชิงยุทธศาสตร์ที่มีบทบาทที่สำคัญในการพัฒนา ปฏิบัติเป้าหมายพัฒนาเวียดนามเป็นประเทศที่มีรายได้สูงในปี 2045 นั่นคือการพัฒนาแหล่งบุคลากรที่มีคุณภาพสูง และเศรษฐกิจฐานความรู้ นี่เป็นหน้าที่ที่เร่งด่วนในยุคประชากรทอง”

 บรรดาผู้แทนสภาแห่งชาติยังเห็นว่า   การที่รัฐบาลทำการตรวจสอบและชี้ชัดถึงข้อจำกัดเพื่อแก้ไขอย่างทันการณ์ กำหนดพลังขับเคลื่อนในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2024 และทั้งปี 2025 เป็นปัจจัยที่สำคัญเพื่อให้เวียดนามบรรลุเป้าหมายที่สภาแห่งชาติได้วางไว้และพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด