(VOVWORLD) - การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในตลอดกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบไม่น้อยต่อชีวิตของประชาชนเวียดนาม โดยเฉพาะสำหรับครอบครัวที่มีผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินที่ชีวิตของพวกเขามีความลำบากมากขึ้นจากการตระหนักได้ดีถึงปัญหานี้ องค์กรสังคม องค์กรมวลชนและสมาคมผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินทุกระดับได้ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินอย่างเข้มแข็งเพื่อช่วยให้พวกเขามีชีวิตที่มั่นคงในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาด
เยี่ยมเยือนและมอบของขวัญให้แก่ครอบครัวของผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซิน (baoquangninh.com.vn) |
ครอบครัวของนาง เจิ่นถิวิงห์ ในแขวงเยี๊ยงได๊ เมืองฮาลอง จังหวัดกว๋างนิงห์ มีลูกชายที่ได้รับผลกระทบจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินซึ่งถูกถ่ายทอดจากทางบิดาที่เสียชีวิตไปนานแล้ว นาง วิงห์ ไม่มีรายได้ประจำ ดังนั้น เธอและลูกจึงต้องอาศัยอยู่ในบ้านที่มีสภาพเก่าเสื่อมโทรม เมื่อปี 2019 จากการช่วยเหลือของทางการปกครองท้องถิ่น องค์กรมวลชน องค์กรทางสังคมและทางแขวง นางวิงห์และลูกของเธอได้รับเงินสนับสนุนเกือบ 150 ล้านเพื่อสร้างบ้านใหม่ที่กว้างขวางและแข็งแรง นาง เจิ่นถิวิงห์ได้เผยว่า
“ดิฉันได้มีบ้านที่มั่นคงแข็งแรงและสะอาดแล้ว นี่คือสิ่งที่ดิฉันไม่เคยนึกเคยฝัน ดิฉันซาบซึ้งใจมากเพราะทุกคนห่วงใยและให้ความสนใจช่วยเหลือดิฉันและลูก”
ลูกชายของนาง วิงห์ เป็นหนึ่งในผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินกว่า 5,000 คนในจังหวัดกว๋างนิงห์ ตั้งแต่ปี 2016 จนถึงปัจจุบัน กองทุนเพื่อผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินของจังหวัดฯได้รับเงินสนับสนุนจากสถานประกอบการและผู้ที่มีใจกุศลเป็นจำนวนมาก จากกองทุนดังกล่าว กิจกรรมเพื่อสนับสนุนการสร้างบ้านเอื้ออาทร สนับสนุนทุนในการพัฒนาการผลิต การดูแลสุขภาพ เยี่ยมเยียน ให้กำลังใจและมอบของขวัญให้แก่ผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินได้รับการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องนาย เหงียนมิงอาน นายกสมาคมผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินจังหวัดกว๋างนิงห์ได้เผยว่า
“พวกเราดูแลครอบครัวของผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินในจังหวัดกว๋างนิงห์เป็นประจำ โดยให้การช่วยเหลือทุกครอบครัว ไม่แบ่งว่าเป็นผู้เคราะห์ร้ายรุ่นแรกหรือรุ่นที่สองเพื่อค้ำประกันว่า พวกเขาจะมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง”
เมือง ฝูลี้ จังหวัดห่านาม มีผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินกว่า 700 คนที่กำลังได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐ รวมทั้งผู้เคราะห์ร้ายที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักในด้านสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิต โดยเฉพาะผลกระทบที่ถ่ายทอดมาถึงทายาทรุ่นลูกและรุ่นหลาน จากการปฏิบัติตามคำสั่งที่ 43 ของคณะเลขาธิการกลางพรรคเกี่ยวกับการผลักดันการนำของพรรคต่อการแก้ไขผลร้ายจากสารเคมีที่สหรัฐใช้ในช่วงสงครามในเวียดนาม พร้อมกับการช่วยเหลือของผู้ที่มีใจกุศล เมืองฝูลี้ได้ช่วยเหลือในการสร้างบ้านและฝึกสอนอาชีพให้แก่ผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซิน ซึ่งในปัจจุบัน ชีวิตความเป็นอยู่ของคนกลุ่มนี้ได้ดีขึ้นเป็นอย่างมาก นาย โด๋ เตี๊ยน สี นายกสมาคมผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินเมืองฝูลี้ได้เผยว่า
“มาตรฐานการครองชีพในปัจจุบันของผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินในเมืองฝูลี้ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นและสูงกว่ามาตรฐานการครองชีพโดยเฉลี่ยของพื้นที่และท้องถิ่น ผู้เคราะห์ร้ายได้รับความสนใจจากพรรค รัฐและสังคมอยู่เสมอ ซึ่งส่วนใหญ่สนใจเกี่ยวกับชีวิตและที่อยู่อาศัย”
ผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินรุ่นที่ 2 และ 3ไม่เพียงแต่ได้รับการสนับสนุนเพื่อสร้างบ้านที่มั่นคงและเพื่อการดูแลสุขภาพเท่านั้น หากยังได้รับการสนับสนุนด้านการศึกษา การฝึกสอนอาชีพและเงินทุนเพื่อดำรงชีวิตอีกด้วย นาย จูกวางดึ๊ก ในเมืองฝูลี้ซึ่งได้รับสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินที่ถ่ายทอดมาจากบิดาของเขา จนทำให้ขาลีบ เดินไม่ได้และมือบิดเบี้ยว ได้เผยว่า จากนโยบายสนับสนุนของรัฐ การอำนวยความสะดวกของทางการปกครองท้องถิ่น การแบ่งปันช่วยเหลือของทั้งสังคมและความมุ่งมั่นของเขา ทำให้สามารถเรียนจบปริญญาโทด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและเป็นครูสอนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่โรงเรียนมัธยมปลายในท้องถิ่น นาย ดึ๊กเผยว่า
“ผมยังคงได้รับการสนับสนุนในด้านการศึกษา การอัพเดทข้อมูลข่าวสารและความทันสมัยในปัจจุบัน ผมยังปรับตัวเข้ากับสังคมและได้รับความช่วยเหลือเป็นอย่างมาก”
ในตลอดกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา กิจกรรมช่วยเหลือและสนับสนุนขององค์กรมวลชนและสมาคมผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินทุกระดับต้องประสบอุปสรรคมากมายเนื่องจากการแพร่ระบาดอของโควิด-19 แต่ด้วยคำขวัญ "ไม่ปล่อยให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง" ท้องถิ่นต่างๆยังคงพยายามธำรงกิจกรรมสนับสนุน เช่น การเยี่ยมเยือน การมอบของขวัญและการบริจาครถเข็นวีลแชร์เพื่อช่วยเหลือครอบครัวของผู้เคราะห์ร้ายจากสารพิษสีส้มไดอ๊อกซินให้มีชีวิตที่มั่นคงและฟันฝ่าความยากลำบากจากการแพร่ระบาด.