( VOVworld )-ประภาคารบนใหมู่เกาะเจื่องซาหรือสเปรสลี่ย์ ในอำเภอเจื่อง ซา จังหวัดแค้งหว่าของประเทศเวียดนามโดยการบริหารจัดการและการดำเนินการของบริษัทรักษาความปลอดภัยในการเดินเรือในทะเลตะวันออกและหมู่เกาะสังกัดเครือบริษัทรักษาความปลอดภัยในการเดินเรือในทะเลภาคใต้ เจ้าหน้าที่และพนักงานของบริษัทฯได้ฝ่าฟันความยากลำบากต่างๆนาๆไม่ว่าจะมาจากคลื่นทะเลสูงหรือจากสาเหตุอื่นๆเพื่อรักษาให้ประภาคารส่องแสงนำทางให้กับชาวเรือไปสู่จุดหมายที่ถูกต้องและปลอดภัย

ประภาคารบนเกาะด๊าเตย

การก่อสร้างหอประภาคารกลางทะเลที่มีคลื่นและลมแรงนั้นยากลำบากมากเพราะต้องใช้แรงกายและเวลาในการขนส่งวัสดุและอุปกรณ์เพื่อการก่อสร้างและการบำรุงรักษา ซึ่งหน้าที่ทั้งหมดนี้เป็นของเรือห่าย ดังหมายเลข ๕  เรือลำนี้ถูกใช้งานมากว่า ๑๐ ปีและมีความเร็วเพียง ๖ ไมล์ทะเลหรือประมาณ ๑๑ กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้นแต่ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในทะเลต่อไป  นายเหงวียน ดึ๊ก ฮุย หัวหน้าฝ่ายวางแผนของบริษัทรักษาความปลอดภัยในการเดินเรือในทะเลตะวันออกและหมู่เกาะซึ่งได้ทำงานในประภาคารมาหลายปีเปิดเผยว่า  “ เมื่ออากาศไม่อำนวย ทำให้การขนส่งวัสดุมีความลำบาก หากประมาทจะเกิดอุบัติเหตุทันทีเช่น ในการก่อสร้างประภาคารบนเกาะอานบาง เรือต้องอยู่ที่นั่น ๓ เดือน หากขาดวัสดุเรือต้องแล่นกลับญาจางเพื่อรับวัสดุอีกและขนส่งไปยังเกาะ  การก่อสร้างประภาคารหนึ่งแห่งต้องใช้เวลาตั้งแต่สองเดือนครึ่งถึงสามเดือน ”

ปัจจุบัน ที่หมู่เกาะเจื่องซามีประภาคาร ๙ แห่ง ซึ่งสามแห่งได้รับการก่อสร้างบนโขดหินได้แก่ ด๊าลาต ด๊าเตยและเตียนญื๋อ  นอกจากการรักษาให้ประภาคารมีไฟสัญญาณตลอดแล้ว ทางบริษัทยังต้องทำหน้าที่นำทางในทะเลให้แก่เกาะ ๒๑ แห่งและ๓๓ จุดเกาะในบริเวณทะเลเจื่องซา เรือห่ายดังหมายเลข ๕จะขนส่งอุปกรณ์และอาหารที่จำเป็นไปยังอำเภอเกาะเจื่อง ซาทุกๆสองเดือน แต่ตั้งแต่เดือนตุลาคมซึ่งเป็นช่วงที่อากาศวิปริต ทะเลจะมีคลื่นลมแรงและพายุทำให้เรือไม่สามารถนำสินค้าและอาหารไปส่งให้แก่เจ้าหน้าที่บนเกาะได้ มีเรือบางลำต้องทอดสมอและร่วมเทศกาลตรุษเต็ตกับเจ้าหน้าที่ ทหารและประชาชนบนเกาะ นายเหงวียน ซุย เนี้ยต ผู้อำนวยการบริษัทรักษาความปลอดภัยในการเดินเรือในทะเลตะวันออกและหมู่เกาะเปิดเผยว่า  “ พวกเราได้เรียกร้องให้รัฐบาลอนุญาตให้ต่อเรือลำใหม่ที่ใหญ่กว่าเพื่อใช้ขนส่งอาหารให้แก่เจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่บนหมู่เกาะเจื่องซา และหวังว่า รัฐบาลจะให้ก่อสร้างหอไฟทะเลบนเกาะอื่นๆซึ่งยังมีเกาะ ๑๓ แห่งยังไม่มีประภาคาร ทั้งนี้ให้เรือเวียดนามและเรือต่างชาติมีความปลอดภัยในการเดินเรือ โดยเฉพาะเป็นการยืนยันถึงอธิปไตยของเวียดนามเหนือเกาะแก่งในทะเลตะวันออก ”

ประภาคารบนเกาะซินห์ โต่น 

แม้จะต้องทนกับสภาพการขาดแคลนทุกอย่างและชีวิตที่ลำบากบนเกาะท่ามกลางทะเล แต่เจ้าหน้าที่และพนักงานที่ดูแลประภาคารได้ศึกษาวิจัยเพื่อหาวิธีสร้างสรรค์โครงสร้างพื้นฐานทางวัตถุที่มีประสิทธิภาพเพื่อปกป้องให้ประภาคารมีไฟสัญญาณตลอดเพื่อนำทางเรือในทะเลทะวันออกซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือสายหลักที่เชื่อมกับทะเลแปซิฟิก มหาสมุทรอินเดีย ยุโรปและเอเชียอย่างปลอดภัย นายฝ่าม ก๊วก ซุ้ย ผู้อำนวยการใหญ่เครือบริษัทรักษาความปลอดภัยในการเดินเรือของภาคใต้เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้ประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเพื่อยกระดับคุณภาพของระบบประภาคาร ตลอดจนปรับปรุงแถวขบวนเจ้าหน้าที่และพนักงานให้มีความรู้ทางวิชาชีพและจิตใจแห่งความมุ่งมั่น นายซุยกล่าวว่า  “  ทางเครือบริษัทจะเน้นลงทุนเพิ่มอีกให้แก่หมู่เกาะเจื่องซาเพื่อสร้างบรรยากาศการเดินเรือในทะเลของภูมิภาคที่ปลอดภัย พร้อมทั้งปฏิบัติหน้าที่ สิทธิและอธิปไตยของประเทศหนึ่งที่มีทะเล อีกทั้งร่วมมือกับกองกำลังอื่นๆเช่น กองทัพเรือและกองกำลังอื่นๆพร้อมที่จะปกป้องมาตุภูมิเมื่อจำเป็น ”

ปกป้องประภาคารบนเกาะซอง ตื่อ เตย

แม้จะต้องอยู่อย่างลำบากและเผชิญกับภัยคุกคามต่างๆก็ตาม แต่เจ้าหน้าที่และพนักงานในประภาคารต่างๆบนหมู่เกาะเจื่องซายังคงปฏิบัติหน้าที่เปิดไฟสัญญาณเพื่อนำทางให้ชาวประมงออกสู่ทะเล ซึ่งประภาคารเหล่านี้เป็นการยืนยันอธิปไตยของประเทศเหนือทะเลตะวันออก .