นาย ยาซูซิ โอกูระ ผู้ที่หลงรักเวียดนามตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้มา

(VOVworld)- เป็นเวลา3ปีมาแล้วที่ในทุกๆเดือนนาย ยาซูซิ โอกูระ ชาวญี่ปุ่น ได้เดินทางจากกรุงโตเกียวไปที่หลูงกู๊ อ.ด่งวัน จ.ห่ายาง ทางเหนือสุดของเวียดนาม ซึ่งที่นั่นมีหมู่บ้านโลโลจ๋าย ของชาวเผ่าโลโล มีร้านกาแฟชื่อ กึกบั๊ก ที่เขาทุ่มเทสร้างขึ้นเพื่อช่วยเพิ่มรายได้และเปลี่ยนแปลงชีวิตให้แก่ชาวท้องถิ่น สำหรับนักท่องเที่ยว ร้านกาแฟแห่งนี้ได้กลายเป็นจุดหมายกลางทางที่น่าสนใจบนเส้นทางพิชิตเสาธงหลุงกู๊


(VOVworld)- เป็นเวลา3ปีมาแล้วที่ในทุกๆเดือนนาย ยาซูซิ โอกูระ ชาวญี่ปุ่น ได้เดินทางจากกรุงโตเกียวไปที่หลูงกู๊ อ.ด่งวัน จ.ห่ายาง ทางเหนือสุดของเวียดนาม ซึ่งที่นั่นมีหมู่บ้านโลโลจ๋าย ของชาวเผ่าโลโล มีร้านกาแฟชื่อ กึกบั๊ก ที่เขาทุ่มเทสร้างขึ้นเพื่อช่วยเพิ่มรายได้และเปลี่ยนแปลงชีวิตให้แก่ชาวท้องถิ่น สำหรับนักท่องเที่ยว ร้านกาแฟแห่งนี้ได้กลายเป็นจุดหมายกลางทางที่น่าสนใจบนเส้นทางพิชิตเสาธงหลุงกู๊

นาย ยาซูซิ โอกูระ ผู้ที่หลงรักเวียดนามตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้มา - ảnh 1

 “ร้านนี้มีทำเลที่สวย เครื่องดื่มก็ใช้ได้ มีหลากหลายประเภทและเหมาะกับรสนิยมของคนรุ่นใหม่ ซึ่งเจ้าของร้านได้บอกว่าตั้งแต่มีร้านกาแฟนี้ชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวก็ดีขึ้นมาก รายได้สูงขึ้นหลายเท่าแถมยังได้รับรู้สิ่งใหม่ที่นักท่องเที่ยวได้นำมาเผยแพร่ ช่วยให้ชาวบ้านมีความรู้มากขึ้น ซึ่งนี่ไม่เพียงแต่ได้สร้างมูลค่าทางวัตถุเท่านั้นหากรวมถึงมูลค่าทางจิตใจวัฒนธรรมด้วย ซึ่งนี่คือสิ่งที่งดงามที่คุณ ยาซูซิ โอกูระ ได้สร้างไว้และฉันรู้สึกศรัทราต่อสิ่งนี้

นี่คือความเห็นของคุณหว่างถิปาว นักท่องเที่ยวคนหนึ่งเมื่อพูดถึงร้านกาแฟ กึกบั๊ก ซึ่งบรรยากาศการตกแต่งภายในร้านออกแนวพื้นเมืองแบบชนเผ่าโลโลที่เป็นบ้านฉิ่งเตื่องทำจากดินเหนียว หลังคามุงกระเบื้องหญินหยาง มีโต้ะเล็กเพียง5โต้ะวางอยู่ที่ลานหน้าร้านสิ่งที่โดดเด่นน่าสนใจของร้านอยู่ที่ตัวบ้าน ซึ่งเป็นบ้านโบราณที่มีอายุมากที่สุดในหมู่บ้านแห่งนี้ คือราว200ปีแล้วแต่ก็ยังคงสภาพเกือบสมบูรณ์ ซึ่งคุณโอกูระได้แนะนำให้ปรับปรุงลานหน้าเพื่อให้เป็นที่นั่งของแขก มีการตั้งผนังหินขึ้นเพื่อกั้นไม่ให้เห็นเล้าสัตว์ด้านหลังแต่ก็ยังเห็นม้าที่เลี้ยงไว้นิดหนึ่ง ส่วนกาแฟที่นี่รสชาดอร่อยดี มีทั้งแบบชาเขียวญี่ปุ่นด้วย ซึ่งเหมาะกับคนรุ่นใหม่มาก

นาย ยาซูซิ โอกูระ ผู้ที่หลงรักเวียดนามตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้มา - ảnh 2
นาย ยาซูซิ โอกูระ กับชาวบ้านโลโลจ๋าย(photo internet)

นาย ยาซูซิ โอกูระ ได้มีความผูกพันกับเวียดนามมากว่า20ปีและได้อาศัยในเวียดนามมาหลายปี มีโอกาสไปศึกษาค้นคว้าวัฒนธรรม ประเพณีและมิตรไมตรีของชาวท้องถิ่นต่างๆจนเกิดความรักแผ่นดินและคนห่ายางเป็นพิเศษและเขาได้ทุ่มเทลงทุนทั้งเงินทองและจิตใจเพื่อสร้างร้านกาแฟกึกบั๊กในเขตนี้แล้วมอบให้แก่ครอบครัวชาวโลโลเพื่อดำเนินธุรกิจนี้ เขาเล่าว่า“ครั้งแรกที่ผมมาวน.คือเมื่อปี1995โดยไปเที่ยวที่นครโฮจิมินห์ ถึงปี1999ก็มาเที่ยวภาคเหนือ ผมชอบเที่ยวประเทศต่างๆในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ก่อนหน้านี้20ปีข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเวียดนามในญี่ปุ่นมีไม่มากดังนั้นผมจึงอยากศึกษาค้นคว้า และเมื่อเดินทางมาครั้งแรกนั้นก็แปลกใจเพราะเวียดนามเป็นประเทศที่คึกคัก มีวัฒนธรรมที่หลากหลายและชาวบ้านมีมิตรไมตรีที่ดี ผมเลยหลงรักประเทศเวียดนามตั้งแต่ตอนนั้น

นาย ยาซูซิ โอกูระ ผู้ที่หลงรักเวียดนามตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้มา - ảnh 3
นักท่องเที่ยวมาที่ร้านกาแฟกึกบั๊ก(photo internet)
นับตั้งแต่ครั้งแรกนั้น ทุกๆปี นาย ยาซูซิ โอกูระ ได้ใช้วันหยุดราชการ1สัปดาห์ในเวียดนามและเดินทางไปค้นคว้าท้องถิ่นต่างๆ โดยเฉพาะได้มาเที่ยวจังหวัดห่ายางมากที่สุด เขาบอกว่ารักธรรมชาติที่สวยงามและมิตรไมตรีของชาวท้องถิ่น ซึ่งแผ่นดินนี้เสมือนเป็นภาพวาดหลากหลายสีสันแห่งวัฒนธรรมของ22ชนเผ่า จนถึงปี2013เขาจึงพร้อมให้แก่การสร้างความผูกพันที่มั่นคงมากขึ้นกับหมู่บ้านชนกลุ่มน้อยเผ่าโลโลใต้เสาธงหลูงกู๊ในจังหวัดห่ายาง“จังหวัดห่ายางมีชนกลุ่มน้อยหลายเผ่า แต่ผมชอบชนเผ่าโลโลเพราะแม้มีประชากรน้อยกว่าชนเผ่าม้ง เย้าแต่มีความใกล้ชิดเป็นกันเองรวมทั้งไม่มีโอกาสเผยแพร่แนะนำวัฒนธรรมของชนเผ่าตน ผมจึงตัดสินใจช่วยพวกเขาด้วยแนวคิดที่จะพัฒนาหมู่บ้านโลโลจ๋ายให้เป็นจุดหมายการท่องเที่ยวเพื่อมีส่วนร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรมของชาวโลโล
นาย ยาซูซิ โอกูระ ผู้ที่หลงรักเวียดนามตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้มา - ảnh 4
นาย ยาซูซิ โอกูระกับนักข่าววิทยุเวียดนาม

นาย ยาซูซิ โอกูระ บอกว่าตามความคิดของเขางานด้านการกุศลที่มีประโยชน์ที่สุดคือช่วยเพิ่มพูนความรู้ให้แก่ชาวบ้านเพื่อส่งเสริมให้พวกเขามีส่วนร่วมในการพัฒนาการผลิตยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น เขาได้พบปะพูดคุยเพื่อโน้มน้าวครอบครัวของนาย หยิ่วยีเจี๊ยน เปิดร้านกาแฟ สนับสนุนเงิน1หมื่นดอลลาร์สหรัฐเพื่อซื้ออุปกรณ์และสร้างห้องสุขาแบบทันสมัย2ห้อง พร้อมมาพักอยู่ที่หมู่บ้านเพื่อสอนให้สามีภรรยานายเจี๊ยนสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ วิธีการชงกาแฟ ชาและเครื่องดื่มอื่นๆตลอดจนการบริการเสิร์ฟ เมื่อมีคนมาอบรบถึงที่สมาชิกในครอบครัวของนายเจี๊ยนก็ค่อยๆมีการปรับตัวและมีความมั่นใจมากขึ้น ต่อจากนั้นนาย ยาซูซิ โอกูระยังลงทุนอีกกว่า100ล้านด่งหรือประมาณ5พันดอลลาร์สหรัฐเพื่อก่อสร้างบ้านดิน ฉิ่งเตื่อง ของชาวโลโลกว่า500ตารางเมตรเพื่อให้ครอบครัวนายเจี๊ยนพัฒนาการท่องเที่ยวโฮมสเตย์ ปัจจุบันหมู่บ้านโลโลจ๋ายที่มีร้านกาแฟกึกบั๊กได้กลายเป็นจุดหมายที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้แวะเยือนจำนวนมากในระหว่างการเดินทางขึ้นไปพิชิตเสาธงหลูงกู๊ ความรู้สึกที่ได้นั่งดื่มกาแฟในร้านที่สวยเก๋ สูดบรรยากาศที่ปลอดโปร่งของเขตเขาสูง ชมทิวทัศน์ที่สวยงาม ศึกษาวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวท้องถิ่นผ่านงานทอผ้า งานจักสานของชาวบ้านที่นี่จะถือเป็นประสบการณ์พิเศษที่ทุกคนต้องประทับใจและจดจำไปอีกนานแสนนาน.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด