(VOVWorld)-เมืองดาลัต จังหวัดเลิมด่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวทั้งภายในและต่างประเทศให้ความสนใจเนื่องจากมีอากาศเย็นสบายตลอดปีและมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง เช่น หุบเขาแห่งความรัก  ทะเลสาบรำพันและเขตที่ราบสูงลางเบียง เป็นต้น อีกทั้งสภาพภูมิอากาศและที่ดินของเขตนี้ยังเหมาะกับการปลูกพืชเมืองหนาว  โดยเฉพาะ สตรอว์เบอร์รี่ ในหลายปีที่ผ่านมา เกษตรกรในเมืองดาลัตได้พัฒนารูปแบบการปลูกสตรอว์เบอร์รี่แบบไฮโดรโปนิกส์  

ซึ่งช่วยเพิ่มผลผลิตและได้สตรอว์เบอร์รี่ผลใหญ่และปลอดสารพิษ  ซึ่งสวนสตรอว์เบอร์รี่ดาลัตก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อมีโอกาสมาเยือนเมืองแห่งนี้

สวนสตรอว์เบอร์รี่​

นี่คือสตรอว์เบอร์รี่สายพันธุ์อะไรครับ
สตรอว์เบอร์รี่พันธุ์นิวซีแลนด์ค่ะ
ปลูกนานหรือยังครับ
ปลูกได้ประมาณ๓เดือนแล้วค่ะ 
เวลา ๘โมงเช้า  กลุ่มนักท่องเที่ยวเกือบ๑๐คนได้เดินทางไปเยือนสวนสตรอว์เบอร์รี่เหียบหลึก ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองดาลัตประมาณ๑๕นาที   นักท่องเที่ยวที่ถือตะกร้าสีขาวคนละ ๑ใบพร้อมไกด์ชาวดาลัตได้เดินไปตามไหล่เขาเพื่อไปยังสวนสตรอว์เบอร์รี่  มองจากไกลๆ ก็จะเห็นโรงเรือนปลูกสตรอว์เบอร์รี่อยู่ด้านหลังต้นสนสูงตระหง่าน โดยสตรอว์เบอร์รี่ของที่นี่ปลูกบนรางปลูกพืชยาวนับสิบเมตรและตั้งไว้สูงจากพื้นประมาณหนึ่งเมตร โดยใช้ระบบพ่นไอน้ำเพื่อรดน้ำและใส่ปุ๋ย  ซึ่งในรางปลูกสตรอว์เบอร์รี่ได้ใช้ขุยมะพร้าวในการปลูกแทนดิน ผลสตรอว์เบอร์รี่มีสีแดงสวยน่ารับประทานแซมใบของต้นสีเขียวสด ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สวน  นักท่องเที่ยวควรเลือกผลสตรอว์เบอร์รี่ที่สดที่สุด “ดิฉันไม่เคยไปเยือนสวนสตรอว์เบอร์รี่ที่ใหญ่ขนาดนี้   ที่นี่มีสตรอว์เบอร์รี่หลายชนิด  ดิฉันเห็นว่า สตรอว์เบอร์รี่แต่ละชนิดมีรสชาติที่แตกต่างกัน  นักท่องเที่ยวควรมาที่นี่เพื่อลิ้มลองสตรอว์เบอร์รี่แต่ละชนิด”
“  เมื่อเด็ดสตรอว์เบอร์รี่ได้  ดิฉันยังไม่กินทันที สตรอว์เบอร์รี่มีกลิ่นหอมมาก พอได้กินก็ได้รสชาติที่หวานอมเปรี้ยว สิ่งที่ดิฉันชอบที่สุดคือมีโอกาสได้เก็บผลสตรอว์เบอร์รี่รับประทานสดๆได้เลย”
“การปลูกสตรอว์เบอร์รี่แบบไฮโดรโปนิกส์ช่วยให้พวกเราสามารถดูแลต้นสตรอว์เบอร์รี่ได้ดีขึ้น  โดยเราปลูกบนขุยมะพร้าว รดน้ำและใส่ปุ๋ย  เราใช้เวลาบ่มขุยมะพร้าววประมาณ ๓เดือนเพื่อฆ่าเชื้อโรค  เมื่อก่อนนี้ ปลูกต้นสตรอว์เบอร์รี่ในดินและถูกรบกวนจากศัตรูพืช  ทำให้ได้ผลผลิตน้อยและเกษตรกรต้องใช้ยากำจัดศัตรูพืช  แต่ปัจจุบัน  พวกเราปลูกสตรอว์เบอร์รี่ตามรูปแบบใหม่ ทำให้ไม่ต้องใช้ยากำจัดศัตรูพืช”
นาย โห่วันทั้ง เจ้าของสวนสตรอว์เบอร์รี่แบบไฮโดรโปนิกส์กำลังแนะนำวิธีการปลูกสตรอว์เบอร์รี่ตามรูปแบบใหม่ให้นักท่องเที่ยวฟัง  โดยเขาเกิดและเติบโตที่เมืองดาลัต  สมัยเป็นเด็กของเขามีความผูกพันกับสวนสตรอว์เบอร์รี่ของพ่อแม่  หลังจากเดินทางไปยังนครโฮจิมินห์เพื่อสร้างฐานะและกลับบ้านเกิด นายทั้งเห็นว่า สวนสตรอว์เบอร์รี่ของครอบครัวและเพื่อนบ้านถูกศัตรูพืชรบกวน  หลังจากหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับการปลูกสตรอว์เบอร์รี่ของฝรั่งเศสและนิวซีแลนด์  นายทั้งเห็นว่า พวกเขาปลูกสตรอว์เบอร์รี่แบบไฮโดรโปนิกส์  ซึ่งให้ประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจสูง ทำให้เขามุ่งมั่นทดลองรูปแบบการปลูกต้นสตรอว์เบอร์รี่เหล่านี้
“ในช่วงแรก  เราประสบอุปสรรคมากมาย  ตอนแรก ผมทดลองปลูกสตรอว์เบอร์รี่ในกระถางแต่รากของต้นสตรอว์เบอร์รี่ก็ถูกจำกัดไม่สามารถแผ่ขยายได้เต็มที่  ทำให้ได้ผลผลิตไม่สูงตามความคาดหวัง  หลังจากทำการวิจัย  ผมทดลองปลูกสตรอว์เบอร์รี่ในรางปลูก  ซึ่งต้นสตรอว์เบอร์รี่ได้เติบโตอย่างรวดเร็วและให้ผลผลิตสูง  แต่ละวัน  ผมสามารถเก็บสตรอว์เบอร์รี่ได้๖๐-๗๐กิโลกรัมต่อ๑,๐๐๐ตารางเมตร  ซึ่งสูงกว่า๒-๓เท่าเมื่อเทียบกับวีธีการปลูกแบบเก่า”

นอกจากปลูกสตรอว์เบอร์รี่ดาลัตแล้ว  นายทั้งยังนำเข้าและพัฒนาพันธุ์สตรอว์เบอร์รี่จากต่างประเทศ  เช่น ฝรั่งเศสและนิวซีแลนด์เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้แก่พันธุ์สตรอว์เบอร์รี่และช่วยเพิ่มตัวเลือกให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งจากผลสำเร็จดังกล่าวทำให้ครอบครัวเกษตรกรอื่นๆในแขวงที่๘เมืองดาลัตหันมาเรียนรู้วิธีการปลูกสตรอว์เบอร์รี่แบบไฮโดรโปนิกส์ของนายทั้ง   นาย เหงวียนดั๊กเตี๊ยน  ผู้บริหารสมาคมเกษตรกรแขวงที่๘ เมืองดาลัตได้เผยว่า
“วิธีการปลูกสตรอว์เบอร์รี่ของนายทั้งต้องใช้เงินทุนสูงแต่ก็สร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจในระยะยาวให้แก่เกษตรกร  การปลูกสตรอว์เบอร์รี่แบบนี้ให้ผลผลิตสูงและปลอดสารพิษ  ซึ่งสมาคมเกษตรกรได้เสนอให้สำนักงานที่เกี่ยวข้องทำการขยายรูปแบบดังกล่าวของนายทั้งและแนะนำให้ครอบครัวเกษตรกรอื่น ๆ ปฏิบัติตาม  นอกจากนี้ พวกเราจะช่วยเหลือนายทั้งและครอบครัวเกษตรกรที่ประสบอุปสรรคเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การพัฒนารูปแบบดังกล่าว”
ปัจจุบัน  สวนสตรอว์เบอร์รี่ของนายทั้งเป็นหนึ่งในสวนสตรอว์เบอร์รี่แบบไฮโดรโปนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองดาลัต  นายทั้งยังมีแผนการก่อสร้างรีสอร์ทเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อนและทำสวนไปในตัว  ซึ่งคาดว่า แผนการดังกล่าวจะได้รับการปฏิบัติในปี๒๐๑๘.