(VOVWORLD) -ในหลายปีที่ผ่านมา มะม่วงของจังหวัดด่งท๊าปได้ส่งออกไปยังประเทศและดินแดนต่างๆ ทั่วโลก เช่น สหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ สาธารณรัฐเกาหลี รัสเซียและสิงคโปร์ โดยสามารถยื่นยันเครื่องหมายการค้าในตลาดโลกอย่างค่อยเป็นค่อยไป ผลสำเร็จดังกล่าวมีส่วนร่วมไม่น้อยจากเกษตรกรที่พยายามยืนหยัดปฏิบัติตามมาตรฐานที่เข้มงวดต่างๆ ในการส่งออก
เครื่องหมายการค้ามะม่วงด่งท๊าปได้รับความนิยมในตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ |
ตำบลติ๋งเท้ย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเตี่ยน ซึ่งเป็นผลดีต่อการพัฒนาสวนผลไม้ โดยเฉพาะมะม่วง ที่ตำบลนี้มีพื้นที่ปลูกมะม่วงกว่า 800 เฮกตาร์ ยอดผลผลิตอยู่ที่ประมาณ 10,000 ตันต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่ปลูกมะม่วงพันธุ์ ก๊าดชูและหว่าหลก เมื่อก่อนชาวสวนมะม่วงที่นี่เน้นขายผลผลิตให้แก่พ่อค้าคนกลางเพื่อจำหน่ายในทั่วประเทศ แต่ในหลายปีมานี้ หลังจากที่สหกรณ์ต่างๆ ในตำบลได้ปฏิบัติการผลิตตามรูปแบบที่ปลอดสารพิษ ทำให้มะม่วงสามารถส่งออกไปยังประเทศต่างๆ และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากผู้บริโภคทั้งภายในและต่างประเทศ
นาย เลแถ่งเวิน สมาชิกของสหกรณ์ให้บริการเกษตรติ๋งเท้ย นครกาวแหลง จังหวัดด่งท๊าป กล่าวว่า การส่งออกมะม่วงไปยังประเทศต่างๆ ได้ช่วยเปลี่ยนความคิด วิธีการปลูกและวิธีการเก็บผลผลิตของเกษตรกรในท้องถิ่น ซึ่งได้เปลี่ยนจากการปลูกตามรูปแบบเก่ามาเป็นการปลูกตามมาตรฐาน VietGap ซึ่งช่วยตอบสนองมาตรฐานที่เข้มงวดในการส่งออกและยืนยันเครื่องหมายการค้าของมะม่วงกาวแหลงต่อผู้บริโภคทั้งภายในและต่างประเทศ
“เมื่อปี 2022 เราสามารถส่งออกมะม่วงไปยังยุโรป ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เกษตรกรเรารู้สึกดีใจมากและพยายามผลิตตามมาตรฐานต่างๆ ค้ำประกันคุณภาพเพื่อสามารถส่งออกไปยังตลาดที่มีมาตรฐานเข้มงวดได้ ส่วนตลาดภายในประเทศก็มีการแข่งขันเป็นอย่างมาก ดังนั้น เราต้องทำให้ดีที่สุด โดยต้องผลิตมะม่วงที่ปลอดสารพิษและอร่อยที่สุดเพื่อสามารถดึงดูดลูกค้า”
ปัจจุบันนี้ ทั่วจังหวัดดิ่งท๊าป มีพื้นที่ปลูกมะม่วงเกือบ 14,400 เฮกตาร์ มีปริมาณผลผลิตเกือบ 137,000 ตันต่อปี ซึ่งมากที่สุดในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง ดังนั้น ไม่เพียงแต่เปลี่ยนวิธีการปลูกตามมาตรฐาน VietGap เท่านั้น หากเกษตรกรในจังหวัดฯ ยังต้องพยายามเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์อีกด้วย โดยหาตลาดใหม่ๆ และเพิ่มปริมาณในการส่งออก นาย เจิ่นวันจ่าง สมาชิกของสหกรณ์ให้บริการเกษตรติ๋งเท้ยกล่าวว่า
“สินค้าที่ผลิตโดยเกษตรกรในตำบลติ๋งเท้ยได้บรรลุมาตรฐานส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดที่มีเงื่อนไขเข้มงวด ดังนั้น เกษตรกรจึงพยายามเพิ่มปริมาณผลผลิตของมะม่วงเพื่อจะได้ส่งออกมากขึ้น ส่วนทางสหกรณ์ต้องหาตลาดและแนะนำให้สมาชิกผลิตตามแนวทางปลอดสารพิษเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน”
แรงงานกำลังทำงานในสหกรณ์ให้บริการเกษตรติ๋งเท้ย |
ส่วนนาย หวอเติ๊นบ๋าว ผู้อำนวยการสหกรณ์ฯ แสดงความคิดเห็นว่า การที่มะม่วงสามารถเข้าตลาดที่มีมาตรฐานเข้มงวดได้นั้นเป็นสัญญาณที่น่ายินดีสำหรับเกษตรกร เป็นการให้กำลังใจช่วยให้เจ้าของสวนผลักดันการผลิตตามมาตรฐานสำหรับการส่งออก เช่น มีรหัสพื้นที่ปลูก ประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีที่ทันสมัย ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ สารกำจัดแมลงชีวภาพและสมุนไพร เป็นต้น เพื่อเพิ่มคุณภาพและยืนยันถึงเครื่องหมายการค้าของมะม่วงด่งท๊าป นายหวอต๊วนบ๋าว กล่าวว่า
“ในปี 2023 นี้ ทางสหกรณ์จะซื้อเครื่องล้างมะม่วงหลังการเก็บเกี่ยว เครื่องคั้นน้ำมะม่วงและเครื่องอบแห้งมะม่วงเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพิ่มมูลค่าให้แก่มะม่วง ซึ่งปัจจุบันนี้ เราได้ขายผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในซุเปอร์มาร์เก็ตและส่งออกไปยังตลาดญี่ปุ่นและสาธารณรัฐเกาหลีอย่างมีเสถียรภาพแล้ว”
ในปี 2023 สถานประกอบการ สหกรณ์และครัวเรือนที่ปลูกมะม่วงในจังหวัดด่งท๊าปได้วางแผนกำหนดแนวทางเพื่อมุ่งสู่ฤดูเก็บเกี่ยวที่ได้ผลดี มีคุณภาพและปริมาณสูง จากความคาดหวังเกี่ยวกับการส่งออกไปยังต่างประเทศมากขึ้นและแนวความคิดใหม่ๆ ในการพัฒนาอุตสาหกรรมการปลูกมะม่วงของจังหวัดด่งท๊าปจะช่วยยืนยันเครื่องหมายการค้าและสถานะของมะม่วงเวียดนามในตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ.