รายการเที่ยวเวียดนาม “เวียดนาม มนต์เสน่ห์ที่ซ่อนเร้น”
Hong Nhung-Nguyen Manh/VOV -  
(VOVWORLD) -สวัสดี พบกันอีกแล้วในรายการเที่ยวเวียดนามชื่อว่า “
เวียดนาม มนต์เสน่ห์ที่ซ่อนเร้น” ของสถานีวิทยุเวียดนาม สำหรับวันนี้ เราจะพาท่านไปขึ้นเขาเที่ยวชมทัศนียภาพที่สวยงามของภาคเหนือเวียดนาม โดยเฉพาะจังหวัดลายโจว์ ซึ่งเป็นท้องถิ่นที่มีทัศนียภาพสวยงามและมีเอกลักษณ์วัฒนธรรมชนเผ่าที่หลากหลายผ่านทั้งเพลงที่เพราะๆบรรยายความสวยงามของผืนดินแห่งนี้พร้อมสารคดีที่เล่าเรื่องตำนานของชนกลุ่มน้อยเผ่าห่าญี่
ช่องเขาโอกวีโห่ |
เพลงแรกที่เราเปิดเพื่อพาท่านเข้าสู่จังหวัดลายโจว์นั้นมีชื่อว่า ฝากรักกับแผ่นดินลายโจว์ของนักดนตรีเจิ่นหว่าน ขับร้องโดยคณะนักร้องของสถานีวิทยุเวียดนาม ท่านผู้ฟังคะการเดินทางไปเที่ยวจังหวัดลายโจว์นั้นจะผ่านเส้นทางขึ้นเขาสูงตระหง่านที่คดเคี้ยวเหมือนสายไหมกลางม่านหมอกที่เรียกว่า ช่องเขาโอกวีโห่ที่เชื่อมระหว่างจังหวัดลายโจว์และลาวกายที่ผูกพันกับตำนานรักของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ซึ่งถ้าหากมาเที่ยวในหน้าหนาวท่านก็จะได้เห็นน้ำค้างแข็ง ตามต้นไม้ใบไม้ และต้นหญ้าดอกไม้ที่เป็นน้ำแข็งดูแปลกตามาก ที่นี่ยังมีระบบถ้ำธรรมชาติบนเทือกเขาปูซามกาบ โดยในภาษาชนเผ่า “ซาม” แปลว่าสาม จึงเรียกว่าภูสามยอด ซึ่งเป็นท้องถิ่นที่มีร่องรอยของกระบวนการอพยพตั้งหลักแหล่งอาศัยของชุมชนชนกลุ่มน้อยเผ่าไท ม้งในสิ่นโห่ ตลอดจนได้สัมผัสกับการบริการอาบและอบยาสมุนไพรของชาวท้องถิ่นอีกด้วย แต่สำหรับวันนี้เราอยากแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกับเรื่องก้อนหินแปลกประหลาดที่มีความผูกพันกับความเลื่อมใสของชาวบ้านในจังหวัดลายโจว์ที่เรียกว่า “โองหย่าด๊าชั้ง” โดยท่ามกลางป่าทึบและภูเขาสูงตระหง่านของเมืองลายโจว์ มีก้อนหินควอตซ์หรือมีชื่อว่า "แร่เขี้ยวหนุมาน" ขนาดเท่าคนตั้งบนยอดเขาดินลูกหนึ่งที่หมู่บ้านป๊าทั้ง ต.ทูลุม อ.เหมื่องแต่ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นหลักพรมแดนบนแนวชายแดนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ โดยตามความเชื่อของชาวห่าญี่ในท้องถิ่น ก้อนหินนี้คือ “อาป๊ออูฝู”หรือ “โองหย่าด๊าชั้ง” ที่เป็นตัวแทนของ “หย่าง”หรือเทพเจ้าเบื้องบนที่ส่งมาช่วยชาวห่าญี่ปกป้องบ้านเมือง
ชาวบ้านยังตั้งชื่อที่เรียกง่ายๆให้แก่ห้อนหินก้อนนี้ว่า “ผู้เฒ่าผมขาว” |
ตามคำเล่าขานของชาวท้องถิ่น ไม่มีใครรู้ว่าบนยอดเนินดินนี้ปรากฎก้อนหินที่เป็นแร่เขี้ยวหนุมานสีขาวใส ความสูงประมาณ1.7เมตรนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ โดยเมื่อมองใกล้ๆก้อนหินดูขรุขระไม่ราบเรียบ แต่เมื่อมองจากไกลๆก็เหมือนรูปผู้เฒ่ากำลังนั่งคิดหน้าตาซึมเศร้าหันหน้ามองไปที่ลำธารที่ไหลลัดเลาะใต้เชิงเขา ชาวห่าญี่ในท้องถิ่นได้เล่าลือกันเรื่องตำนานที่ลี้ลับต่างๆเกี่ยวกับการอพยพของชนเผ่าห่าญี่เมื่อครั้งโบราณกาลว่า ตามประเพณีการทำนาแบบเลื่อนลอย เมื่อเรือกสวนไร่นาหมดความอุดมสมบูรณ์ ชาวห่าญี่ก็จะอพยพไปหาที่ดินทำการผลิตใหม่เพื่อตั้งหลักแหล่งอาศัยใหม่ มีสามีภรรยาคู่หนึ่งที่ในระหว่างการเดินทางไปหาแผ่นดินใหม่ ภรรยาลืมผ้าคลุมหัวไว้ที่บ้านเก่าก็เลยข้ามลำธารกลับไปเอาแต่พอดีเกิดน้ำป่าไหลหลากหลายวัน สามีของนางไปตามหาไม่เจอก็นั่งรอด้วยความซึมเศร้าอยู่ริมลำธารแล้วตายกลายเป็นก้อนหินขาวนี้ ซึ่งเหมือนเป็นหลักแดนธรรมชาติที่อยู่ห่างจากเส้นพรมแดนเวียดนาม-จีนเพียง1เมตร ห่างจากเส้นทางลาดตระเวนชายแดน20เมตร
ชาวบ้านยังตั้งชื่อที่เรียกง่ายๆให้แก่ห้อนหินก้อนนี้ว่า “ผู้เฒ่าผมขาว”และได้จัดงานเซ่นไหว้ในวัน “เหยิ่น”หรือวันแห่งเสือป่า ซึ่งจัดพร้อมกับวันเซ่นไหว้เทพป่าในช่วงเดือน12จันทรคติ โดยตามความเลื่อมใสพวกเขาเชื่อว่าวันแห่งเสือป่าเป็นวันที่มีฤกษ์ดีที่สุดของปี และยังถือเป็นวันอาทิตย์ในปฏิทินของพวกเขาด้วย นาย จูโกปอ ชาวห่าญี่ที่ต.ทูลุมเล่าว่า“แต่ละหมู่บ้านจะมีผู้ที่มีความสามารถในการทำพิธีเซ่นไหว้ประมาณ10-20คน ซึ่งต้องรวมตัวกันเพื่อจับสลากดูว่าใครจะเป็นผู้ที่ “หย่าง”ได้เลือกให้เป็นผู้จัดงานเซ่นไหว้ในปีนี้ ซึ่งต้องเป็นผู้ที่สามารถพูดจาและสื่อสารกับเทพเจ้าได้”
|
สำหรับเครื่องเซ่นไหว้นั้นต้องมีหมูดำ1ตัว ไก่2ตัว ไข่ย้อมสีแดง3ฟอง ข้าวสาร3ถ้วย น้ำชา3ถ้วย เหล้า3ถ้วย รวมถึงยาเส้น1ห่อ สำหรับหิ้งบูชาจะประกอบจากกิ่งไม้4กิ่งปักไว้บนดิน ใช้ไผ่สานเป็นแผ่น3ชั้นที่ใช้เป็นฐานบูชา ส่วนก้านธูป ขวดเหล้า ยาเส้น ยาสูบ กระดาษเงินกระดาษทองสามารถวางไว้บนก้อนหินได้ นายจูเซ้หลู่ ชาวบ้านทูลุมอธิบายเกี่ยวกับการใช้ยาเส้นในเครื่องเซ่นไหว้ว่า“ยาเส้นเป็นเครื่องเซ่นไหว้ที่จำเป็นต้องมี สมัยที่ยังไม่มีการจุดธูปเราก็ใช้ยาเส้นนี้แทนและเป็นยาเส้นที่เราปลูกเอง เดี๋ยวนี้พัฒนาขึ้นมากแล้ว ในชุดเครื่องเซ่นไหว้มีทั้งขนมนมเนย แต่การใช้ยาเส้นเป็นประเพณีดั้งเดิมเราต้องรักษาไว้”
นอกจากนั้นในชุดสิ่งของเซ่นไหว้ยังมีเส้นด้ายโดยมีความเชื่อว่าด้ายคือส่วนที่สำคัญเพื่อให้ชีวิตมีข้าวของเงินทองที่สมบูรณ์ เพราะเส้นด้ายใช้ทอผ้าและเย็บเสื้อผ้าสวมใส่ ส่วนเงินก็เป็นกระดาษเงินกระดาษทอง หลังจากที่เตรียมถาดเซ่นไหว้เรียบร้อย แต่ละครอบครัวจะส่งตัวแทน1คนไปเข้าร่วมพิธีเซ่นไหว้และต้องเป็นผู้ชายในครอบครัวเท่านั้น โดยจะขอให้ชีวิตคู่มีความสุขไม่ห่างเหินกันและมีข้าวปลาเต็มถัง
ไม่มีใครรู้ว่าเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของก้อนหินขาวนี้หรือเพราะความขยันหมั่นเพียรของชาวห่าญี่ ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านในพื้นที่ถึงได้มีความอิ่มหนำผาสุกมาหลายชั่วคน ถ้าหากใครเจ็บไข้ได้ป่วยก็มาขอพรจากหินขาวก้อนนี้ก็จะหายขาดและแข็งแรงเหมือนเดิม
หมู่บ้านนาหล่วง (photo internet) |
ที่จบลงคือเพลง “ความฝันสิ่นโห่” ประพันธ์โดย ฮาลอง จากการขับร้องของหงอกลี้ คุณผู้ฟังคะในการเที่ยวจังหวัดลายโจว์นั้น นอกจากการสัมผัสธรรมชาติที่สวยงามของป่าเขาแล้ว หากท่านที่สนใจวัฒนธรรมชนเผ่าก็สามารถไปที่หมู่บ้านหน่าหล่วง ซึ่งเป็นผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ มีภูเขามีแม่น้ำและสภาพภูมิอากาศที่เอื้อให้แก่การผลิตเกษตร โดยนักท่องเที่ยวจะได้ดื่มด่ำ กับเอกลักษณ์วัฒนธรรมพื้นเมืองพร้อมวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและความเป็นมิตรของชนเผ่าหลึอ ชนเผ่าม้ง สถาปัตยกรรมบ้านเรือนที่โดดเด่น วัฒนธรรมอาหารการกินและอาชีพพื้นเมืองต่างๆ ซึ่งทั้งนี้อาจกล่าวได้ว่าจังหวัดลายโจว์ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าสนใจชวนให้เราไปเที่ยวและจะสร้างความประทับใจให้แก่ทุกคนแน่นอน ถ้าท่านมีแผนที่จะมาเที่ยวเวียดนาม หวังว่าลายโจว์จะเป็นหนึ่งในจุดหมายครั้งต่อไปของท่านนะคะ สำหรับปิดท้ายรายการวันนี้ของเชิญท่านฟังเพลง ลายโจว์เมืองที่ฉันรัก ของนักดนตรีมิงห์ดว่านจากการขับร้องของก๊วกหยุง สำหรับรายการเที่ยวเวียดนามชื่อว่า “เวียดนาม มนต์เสน่ห์ที่ซ่อนเร้น” ของสถานีวิทยุเวียดนามวันนี้ก็ได้หมดเวลาลงแล้วพบกันใหม่ในรายการต่อไปในเดือนกันยา สวัสดี.
Hong Nhung-Nguyen Manh/VOV