วิหาร Xa Tac - โบราณสถานทางประวัติศาสตร์แห่งชาติในพื้นที่แนวหน้าของประเทศ
Vu Mien-VOV -  
(VOVWORLD) -ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำ Ka Long ซึ่งถือเป็นพรมแดนระหว่างเวียดนาม – จีน วิหาร Xa Tac นคร Mong Cai จังหวัดกว๋างนิงห์ไม่เพียงแต่เป็นศาสนสถานเพื่อกิจกรรมสักการะบูชาและความเลื่อมใสของชาวท้องถิ่นเท่านั้นหากยังมีความหมายเปรียบเสมือนเป็นหลักพรมแดนทางวัฒนธรรมที่สำคัญเพื่อยืนยันอำนาจอธิปไตยอันศักดิ์สิทธิ์ของปิตุภูมิเวียดนามอีกด้วย
วิหาร Xa Tac |
ตามข้อมูลที่บันทึกไว้บนแท่นศิลาหินและแผ่นป้ายบูชาโบราณที่ได้รับการเก็บรักษาไว้ที่นี่ วิหาร Xa Tac ถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 13 ต้นศตวรรษที่ 14 เพื่อบูชาเทพเจ้า Xa Tac เจ้าเมือง Ban Canh และ Xa Tac Đại Vương ที่เขต ม๊องก๊าย ประเทศ Dai Viet โบราณ ซึ่งเป็นเทพเจ้าที่คอยปกป้องดูแลประชาชนและประทานพรให้แผ่นดินมีความอุดมสมบูรณ์พืชผลเจริญงอกงาม ในช่วงแรกวิหารXa Tac ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ เป็นอาคารเพียงสามส่วนหันหน้าไปทางทิศใต้ หลังคามุงด้วยกระเบื้องหยินและหยาง จากความผันผวนของกาลเวลาและประวัติศาสตร์ กิจการนี้ถูกทำลายทั้งหมดแล้ว แต่ก็ได้รับการฟื้นฟูและบูรณะครั้งล่าสุดเมื่อปี 1989 นาย Bui Huu Thiem อายุ 70 ปีอาศัยอยู่ในแขวง Ka Long กล่าวว่า
“วิหาร Xa Tac ถูกทำลายจนเหลือแค่ร่องรอยบนพื้นดิน แต่ประชาชนได้ขอบูรณะฟื้นฟูใหม่จนได้รับการก่อสร้างให้กว้างขวางดังที่เห็นในขณะนี้ นี่คือความภาคภูมิใจและความรับผิดชอบของเราตลอดจนคนรุ่นหลังที่จะต้องพยายามอนุรักษ์สถานที่แห่งนี้ไว้เหมือนเป็นหลักชายแดนของชาติ”
พื้นที่ของวิหาร Xa Tac ได้รับการขยายออกไปรวมประมาณ 2หมื่นตารางเมตรบนที่ดินสูงและแยกออกจากย่านชุมชนที่พลุกพล่าน |
พื้นที่ของวิหาร Xa Tac ได้รับการขยายออกไปรวมประมาณ 2หมื่นตารางเมตรบนที่ดินสูงและแยกออกจากย่านชุมชนที่พลุกพล่าน วิหารถูกสร้างเป็นอาคารสองชั้นหลังคา8ส่วนที่มีลวดลายแกะสลักอย่างประณีต ที่วิหารแห่งนี้ยังคงเก็บรักษาแผ่นศิลาจารึกหินโบราณอายุหลายร้อยปีที่บันทึกรายนามของผู้ที่มีส่วนร่วมในการก่อสร้างวิหาร เมื่อปี 2005 วิหาร Xa Tac ได้รับการจัดอันดับให้เป็นโบราณสถานทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมระดับจังหวัด ในปี 2018 เป็นครั้งแรกที่ทางการนครม๊องก๊ายได้ฟื้นฟูและจำลองพิธีบวงสรวง Xa Tac เพื่อเป็นการรักษาจิตวิญญาณแห่งชีวิตวัฒนธรรมนับร้อยปีของวิหารที่อยู่บนแผ่นดินแนวหน้าทางเหนือของประเทศ นาย Tran Dinh Thanh รองอธิบดีกรมมรดกทางวัฒนธรรมแห่งกระทรวงวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยวเวียดนามเผยว่านครม๊องก๊ายเป็นหนึ่งในไม่กี่ท้องถิ่นของประเทศที่ยังคงรักษาวิธีการบูชาเทพเจ้าและจัดงานบวงสรวงวิหาร Xa Tac:
“วิหาร Xa Tacที่นครม๊องก๊ายเป็นหนึ่งในวิหาร Xa Tac ที่ยังหลงเหลืออยู่ไม่กี่แห่งในเวียดนาม เป็นโบราณสถานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อทางวัฒนธรรมดั้งเดิมของเวียดนาม นอกจากนี้ที่ตั้งของวิหารที่มีอยู่จนถึงทุกวันนี้และร่องรอยของวิหารโบราณยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และมีบทบาทสำคัญมากในกิจกรรมการปกป้องอธิปไตยของประเทศในฐานะที่เป็นหลักพรมแดนทางวัฒนธรรมของชาติ”
สำหรับผู้คนในพื้นที่ชายแดนเมืองม๊องก๊าย วิหาร Xa Tac มิได้เป็นสถานที่บูชาเทพเจ้าประจำหมู่บ้านเท่านั้นหากได้กลายเป็นสถานที่บูชาเทพเจ้าของประเทศเหมือนความหมายของคำว่า “sơn hà, xã tắc” ปัจจุบันระบบวัดวิหาร ศาลเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ทางจิตวิญญาณได้รับการเชื่อมต่อกันเพื่อสร้างเป็นจุดหมายด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมที่ผสานกับแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและประวัติศาสตร์ต่างๆ เช่นเส้นทางท่องเที่ยวจากใจกลางเมืองม๊องก๊ายไปยังชายหาด จ่าโก๋ อนุสาวรีย์วีรบุรุษผู้พลีชีพเพื่อชาติ Po Hen วิหาร Xa Tac วิหาร Tra Co สถานที่ท่องเที่ยวด่านสากลม๊องก๊าย แหลม Sa Vi เป็นต้น นาย Ho Quang Huy ประธานคณะกรรมการประชาชนนครม๊องก๊ายกล่าวว่า ทางนครจะส่งเสริมแหล่งทรัพยากรต่างๆเพื่ออนุรักษ์และพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและจิตวิญญาณและประชาสัมพันธ์ข้อมูลและส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกจังหวัด
นครม๊อกก๊ายกำลังอยู่ในกระบวนการพัฒนาโดยมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนายกรัฐมนตรีได้อนุมัติแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจด่านชายแดนม๊องก๊ายเป็นเขตเศรษฐกิจชายแดนที่สำคัญของประเทศ ศูนย์กลางการพัฒนาเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคเหนือ เป็นแนวระเบียงเศรษฐกิจชายฝั่งตอนเหนือและระเบียงเศรษฐกิจคุนหมิง (จีน) - ฮานอย - ไฮฟอง – ม๊องก๊าย - เฝิงถั่น (จีน) ส่วนโบราณสถานทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ต่างๆดั่งเช่น วิหาร Xa Tac วิหาร Tra Co ถือเป็นพื้นฐานทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ เป็นหลักแดนแห่งวัฒนธรรมที่สำคัญเพื่อช่วยส่งเสริมจิตใจที่เข้มแข็งให้ประชาชนยึดมั่นปกป้องเอกราช อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนทางภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของปิตุภูมิได้อย่างมั่นคงเพื่อเดินพร้อมกับทั้งประเทศดำเนินภารกิจการเปลี่ยนแปลงใหม่และผสมผสานอย่างเข้มแข็ง./.
Vu Mien-VOV